“จุรินทร์” ประกาศนำ “พาณิชย์” ก้าวสู่ปีที่ 101 เตรียมลุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รับมือวิกฤตโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เผยจะลดภาระค่าครองชีพต่อ แย้มลดราคาล็อต 7 ล็อต 8 มาแน่ เร่งช่วยเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าขาย ชูออนไลน์เบิกทางรับยุค New Normal พร้อมดันส่งออก เร่งการค้าชายแดน
นายจุริรทน์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานจัดกิจกรรมวันครบรอบ 100 ปีกระทรวงพาณิชย์ ว่ากระทรวงพาณิชย์กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 101 โดยแผนการทำงานจะเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะขณะนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ทั้งจากปัญหาสงครามการค้าที่ยังไม่เลิกรา ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบทุกประเทศทั่วโลก และยังมีปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องปรับตัวการทำงานครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น
โดยการดูแลเศรษฐกิจการค้าในประเทศจะผลักดันเกษตรกรให้สามารถขายผลผลิตทางการเกษตร ดูแลผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ โดยขณะนี้รูปแบบการค้าเปลี่ยนไป ระบบการค้าออนไลน์เข้ามามีส่วนสำคัญ ก็จะเร่งเข้าไปช่วยเพิ่มความรู้ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้การค้าออนไลน์ ทั้งการค้าในประเทศและขยายจนถึงการส่งออก
ส่วนการดูแลค่าครองชีพ เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเช่นเดิม เพราะเป็นเรื่องของการกระตุ้นการบริโภคที่ปัจจุบันยังมีปัญหาชะลอตัว ซึ่งจะหาทางผลักดันให้มีการบริโภคมากขึ้น โดยโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ล็อตที่ 7 ล็อตที่ 8 จะมีมาแน่ นอกจากจะลดราคาสินค้าแล้วยังจะมีการลดค่าบริการด้วย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภค ช่วยลดค่าครองชีพ และช่วยเหลือภาคธุรกิจให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับต่างประเทศจะผลักดันการส่งออกต่อไป แต่รูปแบบอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยมีทูตพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลส์แมนในต่างจังหวัด และจะเร่งขับเคลื่อนการค้าชายแดน เพราะจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มยอดการส่งออกในภาพรวม โดยจะเร่งผลักดันให้มีการเปิดด่านการค้าเพิ่มขึ้น และเปิดด่านการค้าใหม่ๆ ทั้งด้านมาเลเซีย พม่า สปป.ลาว และกัมพูชา และหาทางขยายไปจนถึงเวียดนาม และจีนตอนใต้
ขณะเดียวกันจะเจรจาการค้าทั้งทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อเปิดตลาดการค้าให้กับไทย โดยที่อยู่ในแผน ก็คือ การเจรจาทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรป (อียู) และอังกฤษ รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่มีโอกาส และจะเจรจาลงลึกไประดับรัฐ มณฑล เพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน เช่น มณฑลไหหลำของจีน ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ต และรัฐเตลังกานา อินเดีย เป็นต้น