xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC สบช่องโควิด! เร่ง M&A ธุรกิจใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พีทีที โกลบอล เคมิคอล ชูกลยุทธ์ 3 Steps มาปรับใช้ในการทำธุรกิจอย่างรอบคอบ ฉวยจังหวะโควิด-19 ลุย M&A กลุ่มธุรกิจใหม่ และทบทวนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐฯ คาดได้ข้อสรุปกลางปีหน้า

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงนำกลยุทธ์ 3 Steps ได้แก่ Step Change, Step Out และ Step Up มาใช้ในการดำเนินธุรกิจโดยทบทวนอย่างรอบคอบและปรับกลยุทธ์ในช่วงภาวะวิกฤตนี้ โดยกลยุทธ์ Step Out หรือเติบโตนอกบ้าน จากโควิด-19 ทำให้โครงการต่างๆ ชะลอตัวออกไปเพื่อใช้เวลาในการทบทวนให้เกิดความรอบคอบ รวมถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นโอกาสดีในการเจรจาต่อรองค่าก่อสร้าง รวมทั้งหาพันธมิตรใหม่ คาดได้ข้อสรุปกลางปีหน้า รวมทั้งมีแผนซื้อกิจการ (M&A) กลุ่มธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดโครงการธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น กลุ่มธุรกิจ High Performance Polymer & Composites และ Coating & Adhesives ได้อาศัยช่วงวิกฤตโควิด-19 เจรจาเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม

Step Change ทำบ้านให้แข็งแรง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย Operational Excellence และเพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบ (Feedstock Flexibility) รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น มุ่งหน้าสู่ธุรกิจ High Value Product (HVP) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และตลาดที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วยแนวทาง market-focused business โดยเน้นการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เงินลงทุนไม่สูงมาก

นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบด้วย โครงการ Olefin Reconfiguration Project (ORP) สร้างแนฟทา แครกเกอร์ (Naphtha Cracker) มีคืบหน้าไปแล้ว 91% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้, โครงการโพรพิลีน ออกไซด์ ( PO) และโครงการโพลีออลส์ (Polyols) ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมโพลียูรีเทน (Polyurethane) อุตสาหกรรมรถยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป้าหมายเพื่อทดแทนการนำเข้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้าไปแล้ว 94% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2563

โครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงใน 2 โครงการ ได้แก่ PA9T 13,000 ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2565, โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเทเรฟเทเลท (Polyethylene Terephtalate: PET) จาก 147,000 ตันต่อปี เป็น 200,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564, โครงการ HMC PP Line Expansion กำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 และโครงการพลาสติกรีไซเคิล เริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2565

ส่วน Step Up หรือการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกำหนดกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป้าหมายชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการดำเนินงานของบริษัททั้งสิ้น 2 เป้าหมาย ได้แก่ 1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% จากการดำเนินธุรกิจปกติ ภายในปี 2573 และ 2. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันผลิตภัณฑ์ 52% ภายในปี 2593 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ปัจจุบันบริษัทโฟกัสเพื่อขยายผลการดำเนินงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง Supply chain ดังตัวอย่างเช่น การลดการเดินทางของพนักงาน จากนโยบาย Work from Home เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น