บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) ปรับกลยุทธ์การขายฝั่ง Trading รับมือผลกระทบจาก COVID-19 โชว์ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2563 มีรายได้รวม 719 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 131 ล้านบาท ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” พร้อมลุยขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (CLMV) ในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการบริหารจัดการขยะและโรงไฟฟ้าขยะใน สปป.ลาว ส่งซิกเตรียมทยอยเปิด COD เฟสแรก ปลายปี 63 พร้อมระบุพยายามรักษาระดับของ Bottom Line และ EBITDA ปีนี้ให้ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 719 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท โดย Gross Margin เองก็เพิ่มขึ้นจาก 10.7% มาอยู่ที่ 21.2% ขณะที่ EBITDA งวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 223 ล้านบาทจากเป้าหมายปี 2563 ที่ 350 ล้านบาท
ส่วนไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ ยอมรับว่า COVID-19 และราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างมากนั้นมีผลกระทบให้ยอดขาย Trading ชะลอลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งกำไรสุทธิของฝั่ง Trading มีการปรับลดเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการปรับตัวลงมาที่ 352 ล้านบาท ถึงอย่างนั้นบริษัทได้มีการดำเนินงานและกลยุทธ์รองรับความเสี่ยงจาก COVID-19 ทำให้ Gross Margin ปรับตัวสูงขึ้นจาก 12.4% มาอยู่ที่ 18.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 นอกจากนี้ ที่เด่นมากคือส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากเงินลงทุนในกิจการไบโอดีเซล ในไตรมาส 2 ก็ยังอยู่ในระดับดีจากอานิสงส์การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยปรับให้มีการใช้น้ำมันดีเซลจาก B7 เป็น B10 และคาดว่าความต้องการน้ำมันดีเซลในครึ่งหลังของปี 2020 มีโอกาสปรับสูงขึ้นตามการผ่อนคลายเรื่องโควิด-19 ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจไบโอดีเซลให้เติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทางด้านภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2563 นั้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “25 ปี ก้าวต่อไปด้วยความยั่งยืน” ซึ่งประกอบไปด้วยแผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV เน้นสร้างอัตราการเติบโตในของธุรกิจให้ตอบโจทย์ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Trading ธุรกิจสะอาดและธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน circular economy ในระดับภูมิภาคต่อไป
นอกจากนี้ ยังมองว่าหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐบาลเริ่มมีมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังแนวโน้มกลุ่มผู้ประกอบการ รวมถึงกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ก็เริ่มทยอยฟื้นตัวและกลับมาเปิดดำเนินการทางธุรกิจได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจด้านการบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งหากกลุ่มดังกล่าวฟื้นตัว ทำให้การบริโภคน้ำมันและพลังงานเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ UAC ได้อานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้มีการเติบโตและรักษาระดับของกำไร (Bottom Line) ให้ใกล้เคียงเป้าหมายเดิม และพยายามรักษา EBITDA ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
ส่วนการลงทุนใน สปป.ลาว นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรก ซึ่งเป็นโครงการบริหารจัดการขยะ เบื้องต้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ ส่วนเฟส 2 โรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 6 เมกะวัตต์ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2564 ขณะที่โครงการอื่นๆ ของบริษัทฯ เช่น โครงการที่แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และสุโขทัย ยังคงดำเนินการตามปกติ
"ส่วนแผนลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น มองว่าในเบื้องต้นอาจจะมีการล่าช้าจากแผนเดิม เนื่องจากต้องรอนโยบานความชัดเจนในเรื่องการส่งเสริมพลังงานของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานคนใหม่ หลังจากที่มีการปรับ ครม. แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะมีการสานต่อนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากตามแผนนโยบายภาครัฐบาลนั้น โครงการนี้เป็นการสร้างโอกาสให้วิสาหกิจชุมชน เพิ่มรายได้ที่มั่นคงในเศรษฐกิจระดับฐานราก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมต่อประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทฯ เตรียมเอกสารพร้อมยื่นเข้าประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนรอบ Quick Win โดยจะเสนอโครงการก๊าซชีวภาพที่ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ขนาด 3 เมกะวัตต์ ให้ทางกระทรวงพลังงานพิจารณา จากเป้าหมายการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนทั้งหมด 30 เมกะวัตต์" นายชัชพล กล่าวทิ้งท้าย