เอสพีซีจีลุ้น ต.ค.นี้ปิดดีลลงทุนธุรกิจใหม่กว่า 1 หมื่นล้านบาท แย้มอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 โครงการใหม่ ส่วนแนวโน้มยอดขายไตรมาส 3/63 จ่อต่ำกว่าไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1,174 ล้านบาท
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนธุรกิจใหม่ มูลค่าการลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดว่ามีความชัดเจนภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยเป็นดีลร่วมทุนธุรกิจรูปแบบใหม่ด้านนวัตกรรม
นอกจากนี้ บริษัทมองหาโอกาสลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 โครงการ โดยมีโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาด 60-65 เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปี 2563 หรือต้นปีหน้า
บริษัทคาดมียอดขายในไตรมาส 3/2563 ทรงตัวใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปี 2562 แต่อาจลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,174 ล้านบาทเนื่องจากได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากโควิด-19 ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป แต่คาดหวังว่าบริษัท MSEK Power ทำลีสซิ่งสำหรับลูกค้าการติดตั้งโซลาร์รูฟ จะช่วยผลักดันให้ลูกค้าตัดสินใจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้เร็วขึ้น ขณะที่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ส่งผลให้บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 5,500 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้ปี 2563 อยู่ที่ 6,700 ล้านบาท
สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์มในไทยที่จะทยอยหมดค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) อัตรา 8 บาทต่อหน่วย ที่จะทยอยหมดตั้งแต่ปี 2563 นั้น พบว่าในปีนี้มี 1 โครงการ กำลังการผลิต 5.88 เมกะวัตต์ ส่งผลให้รายได้ลดลง 17 ล้านบาท