“สนพ.” เผยแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัว และมีความผันผวนจากปัจจัยลบทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯตกต่ำหนัก ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูง การเพิ่มอัตรากำลังการผลิตของโอเปกพลัส แม้ว่าปัจจัยบวกคลายล็อกดาวน์จะทำให้การใช้น้ำมันฟื้นตัว รวมถึงข่าวดีการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 มีเพิ่มก็ตาม
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงการคาดการณ์ราคาน้ำมันราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในหลายประเทศที่กำลังฟื้นตัว การที่สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก จากผลกระทบของไวรัสโควิด–19 ตลอดจนสัญญาณที่ดีจากผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในเบื้องต้นได้สำเร็จ ซึ่งส่งผลบวกให้กับตลาดน้ำมันแต่ตลาดยังคงกังวลกับปัจจัยลบที่มีเข้ามา
ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ อินเดีย ภูมิภาคอเมริกาใต้ ที่ยังคงสูงขึ้น ทำให้อุปสงค์น้ำมันโลกยังคงถูกจำกัด นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลจีนสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ตอบโต้ที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สอง ของปี 2563 ติดลบที่ระดับ 32.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการติดลบที่สูงที่สุดนับตั้งแต่หน่วยงานราชการของสหรัฐฯ ได้มีการบันทึกตัวเลขไว้ตั้งแต่ปี 2490 หรือรอบ 74 ปี รวมถึงสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ให้ความเห็นถึงการพิจารณาของความเป็นไปได้ในการเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. 2563 ออกไป
“ กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรนอกกลุ่ม เตรียมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ ส.ค. 63 นี้ ตามแผนการลดกำลังการผลิตที่ได้ร่วมกันตกลงในการประชุมที่ผ่านมา ล่าสุดนักวิเคราะห์ยังคงกังวลว่า ความต้องการใช้น้ำมันโลกยังคงไม่ฟื้นตัว ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตอาจจะทำให้เกิดสภาวะอุปทานล้นตลาดได้” นายวัฒนพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ (20 – 26 กรกฎาคม 2563) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 43.63 และ 41.76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.34 และ 1.17 ต่อบาร์เรลและล่าสุดวันที่ 30 ก.ค. ราคาดูไบอยู่ที่ 34.25 เหรียญฯต่อบาร์เรลลดลง 0.15 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่เวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 39.92 เหรียญฯต่อบาร์เรลลดลง 1.35 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางราคาน้ำมันที่ผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป