ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไฮเออร์” ฝ่าวิกฤตโควิด ครึ่งปีแรกยังเติบโตดี 40% พร้อมช่องทางออนไลน์พุ่งกว่า 400% ครึ่งปีหลังไม่ปรับแผนลุย มั่นใจทั้งปีดันยอดขายรวมโตขึ้น 38%
นายจาง เจิ้ง ฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไฮเออร์คาดว่ารายได้รวมทุกหมวดผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะมีประมาณ 6,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 2,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%, ตู้เย็น 1,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45%, เครื่องซักผ้า 835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37%, ตู้แช่ 590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%, เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% และผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ 322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% และได้เตรียมรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 38%
นายธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2563 นี้คาดว่า จะมีมูลค่ารวมประมาณ 70,000 ล้านบาท หรือตกลงประมาณ 5-10% แม้ว่าจะมีบางกลุ่มที่เติบโต บางกลุ่มตกลง บางกลุ่มทรงตัว แต่โดยรวมแล้วยังตกลง อันเนื่องมาจากผลกระทบหลักๆ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนัก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ซึ่งแม้แต่ค่าจีดีพีของไทยปีนี้ก็คาดว่าจะมีการติดลบมากถึง 8-10% ด้วย
โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ตลาดรวมตกลงแล้ว 10% แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังดีกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ตกมากกว่านี้และได้รับผลกระทบอย่างหนักกว่า เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว ส่งออก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ไฮเออร์ทำตลาดในไทยบางกลุ่มสินค้าเท่านั้นยังไม่มีหลายกลุ่มเหมือนแบรนด์อื่น
สาเหตุที่ไฮเออร์ยังมีการเติบโตที่ดีในครึ่งปีแรกมากกว่า 40% เนื่องจากว่าบริษัทฯ วางแผนตลาดมาตั้งแต้ต้นชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง และทำอย่างไร จะมีสินค้าใหม่เปิดตัวอะไรบ้าง และมีกิจกรรมการตลาด แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม บริษัทฯ ก็ยังมีสินค้าในสต๊อกที่เตรียมไว้แล้ว รวมทั้งการประสานงานกับทางโรงงานผลิตของเราเอง จึงสามารถจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคได้แม้จะมีการปิดล็อกดาวน์ก็ตาม อีกทั้งได้หันไปจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซหรือออนไลน์ด้วย ช่วงที่ผ่านมาออนไลน์ของเราเติบโตมากถึง 400% ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนจากช่องทางออนไลน์น่าจะมีประมาณ 10% หรือมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท
นายธเนศร์กล่าวด้วยว่า ภายในสิ้นปีนี้ไฮเออร์วางเป้าหมายแต่ละกลุ่มไว้ดังนี้ แอร์ ไฮเออร์จะต้องเติบโต 23% แชร์ 12% ขึ้นเป็นอันดับที่ 3 จากตลาดรวมกว่า 27,000 ล้านบาท คาดว่าตลาดรวมจะโต 6%, ตู้เย็น มูลค่าตลาดรวม 13,000 ล้านบาท ติดลบ 3% ไฮเออร์จะต้องโต 50% มีแชร์ 9.5% ขึ้นเป็นอันดับที่ 6, เครื่องซักผ้า มูลค่าตลาดรวม 13,000 ล้านบาท คาดว่าติดลบ 4% ไฮเออร์ต้องโต 75% มีแชร์ 10% ขึ้นเป็นอันดับที่ 3 และตู้แช่ มูลค่าตลาดรวม 4,700 ล้านบาท โต 3% ไฮเออร์ต้องโต 43% แชร์ 12%
นายจาง เจิ้ง ฮุ้ย กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้จะทำตามที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีไม่มีการปรับแผนแต่อย่างใด ด้านการตลาดในครึ่งหลังปี 2563 นี้เรายังคงเน้นทำการตลาดแบบครบวงจร ทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มโฆษณาทางโทรทัศน์ให้กับผลิตภัณฑ์ตู้เย็น และยังคงใช้แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ในการสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์เช่นเดิม พร้อมทั้งเสริมกลยุทธ์ผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย Haier Brand Shop ซึ่งปัจจุบันเรามีร้านไฮเออร์แบรนด์ชอปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพฯ แล้ว โดยจะทำการขยายช่องทางการขายต่อไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่องทางธุรกิจ B2B และปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่ายไฮเออร์ รุกช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยผลักดันธุรกิจของไฮเออร์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” มร.จาง เจิ้ง ฮุ้ยกล่าว
อีกทั้งจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และเน้นสินค้ากลุ่มมิดไฮเอนด์ ขณะนี้มีสินค้ากลุ่มนี้สัดส่วนยอดขาย 30% คาดหวังขยับขึ้นเป็น 40-50% และสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฮมมากขึ้น ด้วยงบตลาดทั้งปี 170 ล้านบาท
สำหรับฐานการผลิตจากโรงงานไฮเออรย์ในไทยยังดำเนินงานตามปกติ และวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตและขยายไลน์ผลิตสินค้าอื่นอีกด้วย
นายจาง เจิ้ง ฮุ้ย กล่าวด้วยว่า ไฮเออร์วางเป้าหมายระยะยาวในไทยภายใน 3 ปีจากนี้จะต้องขึ้นเป็นผู้นำตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยให้ได้ด้วยยอดขายรวมกว่า 10,000 ล้านบาท จากขณะนี้อยู่ที่ 6,000 กว่าล้านบาท