“ศักดิ์สยาม” ลั่น 1 ส.ค.นี้ควง “ถาวร-อธิรัฐ” แถลงผลงาน 1 ปี “คมนาคมยูไนเต็ด” ไร้เกาเหลา ชี้สื่อคิดไปเองว่ามีปัญหา เตรียมโชว์ผลงาน “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” เดินตามแผน ชูลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซื้อยางพาราช่วยเกษตรกร แก้จราจรพระราม 2 ฯลฯ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เป็นวันที่ทำงานครบ 1 ปีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยในวันที่ 1 ส.ค. ตน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม จะร่วมแถลงผลงานในรอบ 1 ปี โดยจะจัดเวิร์กชอปงานคมนาคม และแบ่งคลัสเตอร์ตามมิติของการทำงาน ทั้งบก น้ำ ราง และอากาศ โดยจะมีการทบทวนแผนงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ว่ามีงานใดที่ทำต่อเนื่องจากนโยบายเดิม อะไรที่เป็นนโยบายใหม่ และอะไรที่ดำเนินการระหว่างปี ที่เป็นข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือสิ่งที่ประชาชนร้องขอ เพื่อนำมาพิจารณาว่ามีปัญหาอุปสรรคอย่างไร และวางแนวทางขับเคลื่อนการทำงานในปี 2564 และปีต่อๆ ไปได้
“ยืนยันว่าผมและรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คนเราทำงานด้วยกันเป็นคมนาคมยูไนเต็ด ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ แต่บางครั้งสื่ออาจคิดไปเองว่าเรามีปัญหาอะไรกันแต่ความจริงแล้วไม่มี เรามีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน” นายศักดิ์สยามกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้คะแนนผลการทำงานตัวเองเท่าไร นายศักดิ์สยามกล่าวว่า คงให้คะแนนตัวเองไม่ได้ ประเมินการทำงานของตนเองไม่ได้ แต่ถามว่าพอใจหรือยัง ก็ยังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่ได้ทำงานทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ แทบไม่ได้หยุดเลย ซึ่งหลายเรื่องเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น การลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนด้วยการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า การนำยางพารามาใช้ในอุปกรณ์ความปลอดภัยทางถนนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยในปี 2563 ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างก่อสร้างผิวทางแบบพาราแอสฟัลติกคอนกรีต (PARA AC) ที่ได้ลงนามในสัญญาจ้างไปแล้วในปีงบประมาณ 2563 เป็นผิวทางแบบแอสฟัลติกคอนกรีต (AC) ซึ่งทำให้มีกรอบวงเงินประมาณ 1,700 ล้านบาท
ส่วนการจัดซื้อยางพาราตรงจากเกษตรกรเพื่อทำแบริเออร์คอนกรีตหุ้มยางพารา กับเสาหลักนำทางยางพารา จะเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคิกออฟโครงการในเดือน ส.ค.นี้
นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาจราจรบนถนนพระราม 2 การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่ง รมว.คมนาคมกล่าวว่าภายในสัปดาห์นี้จะสรุปประเด็นคำถามของกระทรวงการคลังได้ จากนั้นนำเสนอที่ประชุมคณะทำงานฟื้นฟู ขสมก. ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิจารณาในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในต้นเดือน ส.ค.นี้ และจะยังคงกำหนดรับมอบรถใหม่ตั้งแต่กลางปี 2564 เดือนละ 400 คัน และครบทั้ง 2,511 คันภายในปี 2565 โดยขณะนี้แผนดำเนินการล่าช้าเล็กน้อย ประมาณ 1 เดือน แต่สามารถเร่งรัดในการส่งมอบรถให้เพิ่มขึ้นเป็น 450-500 คัน/เดือน นอกจากนี้ จะต้องมีเรื่อง Thai First โดยจะต้องประกอบภายในประเทศไม่น้อยกว่า 51% ด้วย
ยืนยันว่าแผนใหม่จะทำให้ ขสมก.มีผลการดำเนินงาน EBITDA เป็นบวกภายใน 7 ปี ซึ่งจะต่างจากแผนเดิม 4 ปี เนื่องจากการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ต่างกัน แผนฟื้นฟูเดิมใช้โครงสร้างค่าโดยสารตามระยะทาง เก็บ 15-20- 25 บาท/คน/เที่ยว แผนใหม่ จัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาท/คน/วัน (ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว) ทำให้รายได้น้อยกว่า แต่ประชาชนได้ประโยชน์เพราะค่าโดยสารถูกลง 50%
นอกจากนี้ การบูรณาการเส้นทางเดินรถไม่ให้ทับซ้อน โดยปรับเหลือ 162 เส้นทาง โดยเป็นของ ขสมก.จำนวน 108 เส้นทาง เป็นรถร่วมเอกชน จำนวน 54 เส้นทาง ซึ่ง ขสมก.ได้ประชุมร่วมกับรถร่วมเอกชน 54 เส้นทาง เพื่อให้เข้าร่วมกับ ขสมก. รูปแบบจ้างวิ่งตามระยะทางเพื่อให้ใช้โครงสร้างค่าโดยสาร 30 บาทตลอดวันเหมือนกัน และใช้เงินสนับสนุน PSO จากรัฐมาช่วยเหลือได้ และประชาชนได้รับความสะดวกสูงสุด
“ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกว่าจะปฏิรูป ขสมก.ให้กลับมาแข็งแรงหรือปล่อยให้ป่วยไปเรื่อยๆ ขสมก.เป็นบริการสาธารณะต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง แผนฟื้นฟูใหม่จะต้องเพิ่มคุณภาพบริการ มีรถใหม่ ปรับอากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบ E-ticket และตรวจสอบการให้บริการของรถแต่ละคัน จำนวนผู้โดยสาร เพื่อนำมาวิเคราะห์การบริหารจัดการเดินรถให้เพียงพอ และตรงต่อความต้องการของผู้โดยสารจริง เส้นไหนรถขาดจะเติมเพิ่ม เส้นไหนมีมากเกินไปปรับลดลง”