ไออาร์พีซีวางแผนดำเนินงานรับมือสงครามการค้าและโควิด-19 ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรเพิ่ม โดยระยะสั้นปีนี้คาดรับรู้รายได้เพิ่ม 200 ล้านบาท ส่วนระยะยาวรับรู้ผลประโยชน์ราว 3,000 ล้านบาท
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสงครามราคาน้ำมันสหรัฐฯ และจีน การระบาดของโควิด-19 ดังนั้น ไออาร์พีซีจึงได้ปรับแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรองรับความผันผวนจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ผันผวน โดยวางเป้าหมายแผนระยะยาวจะให้ผลประโยชน์ราว 3,000 ล้านบาท เช่น โครงการปรับปรุงการกลั่นตามมาตรฐานน้ำมันยุโรป (ยูโร) 5 ก่อสร้างเสร็จในปี 2566, การร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ปรับประสิทธิภาพการขนส่งด้านน้ำมัน, โครงการการขุดลอกร่องน้ำท่าเทียบเรือ รองรับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบ, การเพิ่มสัดส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม จากเดิมสัดส่วน 55% เป็น 60% รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นเพื่อให้รับน้ำมันจากตลาดอื่นนอกเหนือจากตลาดตะวันออกกลางเพื่อทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด รวมทั้งมีแผนพัฒนาที่ดินบ้านเป็นนิคมฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ใช้กลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไร โดยระยะสั้นในปี 2563 ในด้าน Growth Strategy คาดการณ์ผลประโยชน์ให้บริษัทได้เพิ่ม 200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายพลาสติก ABS เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 6,000 ตัน/ปี ในปี 63 และการร่วมทุนกับบริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (JPP) เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Mytex Thailand) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวนด์ (Polypropylene Compound : PP Compound) สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
นอกจากนี้ ยังดำเนินงานโครงการ E4E, โครงการ IRPC 4.0 ใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยทำงาน ช่วยสร้างประโยชน์ได้ราว 1,000 ล้านบาท และโครงการ Breakthrough ให้พนักงานเสนอแผนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงานเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กร เช่น โครงการลดการสำรองน้ำมันดิบ (Crude&Product Inventory) ช่วยลดต้นทุนของบริษัทฯ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปี (63-65)