“จุรินทร์” คุยผ่านระบบทางไกลกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ขอให้อียูเพิ่มโควตานำเข้าไก่ให้ไทยเป็น 3.2 แสนตัน หลังต้องจัดสรรใหม่จากกรณีเบร็กซิต พร้อมเห็นพ้องร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 เดินหน้าฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือทางไกลกับนายฟิล โฮแกน กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า เป็นครั้งแรก ว่า ไทยได้ขอให้สหภาพยุโรป (อียู) พิจารณาจัดสรรโควตานำเข้าไก่ให้ไทยเพิ่มขึ้น หลังอียูต้องมีการปรับตารางข้อผูกพันภาษีที่ทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) ใหม่ หลังสหราชอาณาจักรถอนตัวจากอียู (เบร็กซิต) เพื่อให้ปริมาณนำเข้าไก่จากไทยของอียูใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด โดยไทยขอเพิ่มโควตาจาก 288,000 ตัน เป็น 320,000 ตัน
โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นตรงกันที่จะร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 โดยให้ความสำคัญต่อกลไกการค้าเสรีของ WTO หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่จำเป็นเพื่อให้การค้าระหว่างกันราบรื่นและไร้อุปสรรค และให้ห่วงโซ่การผลิตโลกหรือกระบวนการผลิตสินค้าสามารถเชื่อมโยงระหว่างกันได้โดยไม่ติดขัด รวมทั้งควรให้ความสำคัญต่อเทคโนโลยีดิจิทัล และปรับปรุงการค้าไปสู่รูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
นอกจากนี้ ขอให้เร่งรัดการแต่งตั้งสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ของ WTO ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อให้กลไกระงับข้อพิพาทของ WTO สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และยังได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู หากทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์และมีความคาดหวังตรงกัน
ปัจจุบันอียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 38,239 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 8.4% ของการค้าไทยกับโลก โดยในปี 2562 ไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 19,737.80 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,501.19 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องบิน อุปกรณ์การบิน เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เป็นต้น