“คมนาคม” เตรียมพร้อมเปิดบริการระบบขนส่งสาธารณะ “บขส.-รถไฟ” ทุกเส้นทางหลังผ่อนปรนเฟส 3 “ขบ.” เผยมาตรการเว้นระยะ รับผู้โดยสารไม่ถึง 50% ต่อเที่ยว ผู้ประกอบการแบกต้นทุนไม่ไหว เสนอรัฐเยียวยา สุดท้ายอาจต้องให้ปรับค่าโดยสาร
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารสถานการณ์ อำนวยการ ประสานงาน และการต่างประเทศ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงคมนาคม (ศปก.คค.) เปิดเผยว่า วันนี้ (2 มิ.ย.) ได้หารือถึงการดำเนินงานภายหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ในระบบขนส่งสาธารณะ ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอต่อสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้เปิดการให้บริการขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง ทุกเส้นทางไปยังจังหวัด หากจังหวัดปลายทางมีการอนุญาตให้สามารถเดินทางเข้า-ออกจังหวัดได้
ภายหลังการประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 9) เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2563 เพื่อให้การดำเนินชีวิตของประชาชนมีสภาพใกล้เคียงกับวิถีชีวิตตามปกติ อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สำหรับความถี่ของการเดินทางเป็นไปตามความต้องการเดินทางของประชาชนและความสามารถในการรองรับผู้ใช้บริการของสถานีขนส่งแต่ละแห่ง
โดยก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 62563 ระบบขนส่งทางบก น้ำ ราง อากาศ มีการหยุดให้บริการซึ่งเป็นไปตามประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และมีประมาณ 19 จังหวัดที่ผู้ว่าฯ จังหวัดไม่อนุญาตให้เดินทางเข้า-ออก ล่าสุดได้ทยอยประกาศผ่อนคลายแล้ว ส่วนกรณีที่ติดเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งในประกาศฉบับที่ 9 กรณีรถโดยสารสาธารณะสามารถวิ่งในช่วงเวลาเคอร์ฟิวได้ โดยผ่อนคลาย คือ ออกจากต้นทางก่อน เวลา 23.00 น. และไปถึงปลายทางหลังเวลา 03.00 น. โดยไม่มีการหยุดรับ-ส่งระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการฝ่ายความมั่นคง ซึ่งหาก ศบค.เห็นชอบในการประชุมวันที่ 5 มิ.ย.นี้ คาดว่าในวันที่ 6-7 มิ.ย.จะทยอยเปิดเดินรถได้ครอบคลุมทุกเส้นทาง
ทั้งนี้ เส้นทางและความถี่จะต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้โดยสาร และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป ได้แก่ การคัดกรอง วัดอุณหภูมิผู้โดยสาร พนักงานและผู้ปฏิบัติงานทุกคน ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทางและการปฏิบัติหน้าที่ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทุกพื้นที่และในยานพาหนะ ล้างมือและทำความสะอาดสถานที่ให้บริการและยานพาหนะอย่างสม่ำเสมอ และบันทึกข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารตามแบบ ต.8-คค หรือ Platform “ไทยชนะ”
นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า มาตรการเว้นระยะห่างทำให้ผู้ประกอบการรับผู้โดยสารต่อเที่ยวได้ไม่ถึง 50% ของจำนวนที่นั่ง ซึ่งทำให้ขาดทุน ขณะที่การปรับขึ้นค่าโดยสารต้องเพิ่ม 2 เท่าตัวถึงจะอยู่ได้ แต่เป็นการผลักภาระให้ประชาชนมากเกินไป รัฐต้องพิจารณาแนวทางการเยียวยาชดเชยเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้บริการต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการหยุดเดินรถ และยังไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เนื่องจากขาดทุน แม้กรมการขนส่งฯ จะมีเงื่อนไขการเดินรถอย่างน้อยวันละ 1 เที่ยวไป/กลับ ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในบางเส้นทางที่ประชาชนต้องการเดินทาง แต่รถที่ได้รับอนุญาตไม่พร้อมที่จะเดินรถ ทำให้เกิดปัญหามีรถเถื่อน รถนอกระบบเข้ามาวิ่งให้บริการจำนวนมาก ซึ่งได้ให้ผู้ตรวจการณ์ลงไปดูแล ป้องกันปัญหา และจะต้องเร่งเสนอแนวทางต่อรัฐบาลในการหาทางออกเพื่อให้ผู้ประกอบการ หากไม่มีการชดเชยให้ผู้ประกอบการอาจจะต้องพิจารณาในเรื่องการปรับค่าโดยสารให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งอาจจะขึ้นประมาณ 70-80% เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้