xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์” ชูร้าน “อีโคโธเปีย” เปิดโมเดลค้าปลีกใหม่รับโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - โควิด-19 กระทบตลาดรวมค้าปลีกไทย คาดกลุ่มศูนย์การค้าวูบลง 50% สยามพิวรรธน์ชี้พฤติกรรมคนจะเปลี่ยน ภาพรวมค้าปลีกต้องปรับตามหลังโควิดคลี่คลาย ชูร้านอีโคโธเปียรุกตลาดตอบรับยุคสุขอนามัยมาแรง

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในขณะนี้คาดว่าจะกระทบต่อตลาดรวมค้าปลีกไทยอย่างมากจากมูลค่ารวมกว่า 3.5 ล้านล้านบาท ขณะที่หากมองเป็นกลุ่มย่อยในส่วนของศูนย์การค้า คาดว่าตลาดรวมศูนย์การค้าจะตกลงมากถึง 50% จากมูลค่ารวม 1.75 แสนล้านบาท และประเมินกันว่าภาพรวมจะกลับมากระเตื้องขึ้นบ้างต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือนจากนี้

เนื่องจากว่าแม้ว่ารัฐบาลเริ่มผ่อนปรนและมีแนวโน้มว่าจะปลดล็อกมาตรการบางอย่าง และให้ค้าปลีกสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและมีมาตรการคุมเข้มเหมือนเดิม เช่น การเว้นระยะห่าง หรือการจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์ฯ เช่น ตามที่เป็นข่าวคือ สัดส่วน 1 คนต่อตารางเมตร ทำให้ลูกค้าที่จะเข้ามาลดน้อยลงด้วย คาดว่าจะหายไปมากกว่า 30-50% จากพื้นที่

“ช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาที่ค้าปลีกห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต้องปิดบริการไปถือว่าสาหัสอย่างมาก แม้ว่าบางรายจะมียอดขายมาจากออนไลน์ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้หรือทดแทนกันไม่ได้จากยอดขายผ่านหน้าร้านหรือออฟไลน์ในช่วงปกติ และในช่วงแรกหากเปิดบริการได้ ธุรกิจร้านค้าก็ต้องเน้นไปที่การบริหารต้นทุนให้ดีด้วย”

อย่างไรก็ตาม นางชฎาทิพประเมินว่า นอกจากนั้นยังได้เปิดรูปแบบค้าปลีกใหม่เพื่อตอบสนองชีวิตวิถีใหม่คือ ร้านอีโคโธเปีย (Ecotopia) เปิดแห่งแรกที่สยามดิสคัฟเวอรี่ พื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร ถือเป็นอีโคคอมมูนิตีที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย รวมสินค้าเพื่อนิวนอร์มอล เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพอนามัย สินค้าที่ไม่ใช้สารเคมี สินค้าอาหารออร์แกนิก สินค้าที่เป็นมิตรต่อสัตว์ สินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ เป็นต้น โดยสร้างสรรค์จากความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้นำในอีโคคอมมูนิตีสาขาต่างๆ รวม 12 ท่าน มีสินค้ามากกว่า 1 ล้านรายการ

รวมทั้งการเปิดบริการใหม่ๆ แบบออมนิแชนเนล เช่น ครั้งแรกของเมืองไทยที่สยามพิวรรธน์ทำ S-commerce ด้วยบริการ “Luxury Chat & Shop” สยามพารากอนและไอคอนสยามเปิดให้ชอปปิ้งออนไลน์ส่งตรงจากลักชัวรีแฟล็กชิปสโตร์ถึงหน้าบ้าน ปัจจุบันมีลักชัวรีแบรนด์ที่เข้ามาร่วมจำหน่ายในช่องทาง Luxury Chat & Shop มากมาย เช่น Balenciaga, Bally, Boss Hugo Boss, Bottega Veneta, Burberry, BVLGARI, Coach, Dolce&Gabbana, Fendi, Furla, Givenchy, Gucci, Jimmy Choo, Loewe, Kwanpen, Longchamp, MaxMara, MCM, Mulberry, Michael Kors, Off-White, Paul Smith, PRADA, Philipp Plein, Salvatore Ferragamo , Tiffany & Co., Versace เป็นต้น เจาะกลุ่มนี้กว่า 1,000 ราย


บริการ “OneSiam & ICONSIAM Chat & Shop” ให้ลูกค้าชอปปิ้งในทุกที่ทุกเวลา, OneSiam Application และ Line @OneSiam ที่นำเสนอข้อความข่าวสารและสิทธิประโยชน์จากสินค้า luxury brands, fashion, beauty, dining, living และ entertaining ปัจจุบันมีผู้สนใจดาวน์โหลด OneSiam Application รวมกว่า 200,000 คน และ Line @OneSiam มีสมาชิกกว่า 720,000 คน

บริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ เช่น “Call & Pick Up” สั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกูร์เมต์มาร์เก็ต สยามพารากอน, ซูเปอร์มาร์เกต Dear Tummy และ Taka Marche ที่ไอคอนสยาม การทำลิสต์และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า แล้วมารับสินค้าเป็นรูปแบบรีเทลยุคใหม่, บริการ “Siam Center Virtual Mall” ยกสยามเซ็นเตอร์สู่แพลตฟอร์มชอปปิ้งบนโลกดิจิทัล โดยผนึกกำลังกับ LAZADA เปิดตัวให้ชอปตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน www.lazada.co.th หรือแอปพลิเคชัน LAZADA ของธุรกิจค้าปลีกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เพื่อตอบรับกับวิถีใหม่หรือนิวนอร์มอล ที่จะมี 4 ภาพหลัก คือ 1. Creator ผู้สร้างสรรค์เรื่องเฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ 2. Platform รูปแบบค้าปลีก 3. Supporter ผู้สนับสนุนต่างๆ และ 4. Customer ลูกค้า

ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำการเสริมทีมงานในองค์กรใหม่ 3 ทีม คือ ทีมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีหน้าที่ดูแลและเจรจาบริหารจัดการกับลูกค้า ตัวอาคาร โดยมีผู้บริหารที่ตัดสินใจและแก้ปัญหารายวันได้ทันที, ทีมจัดระบบหรือหลังบ้าน วางระบบเพื่อรองรับการทำงานจากที่บ้าน เช่น การเชื่อมต่อระบบ เป็นต้น และทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ที่จะมองว่าในอนาคตจะต้องมีบริการอะไร แบบไหน อย่างไร หลังไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง





กำลังโหลดความคิดเห็น