เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ประกาศแผน “ยุทธศาสตร์ 5 พร้อม” ผลักดันแพลตฟอร์มค้าปลีกและบริการของไทย พร้อมดึงแรงงานไทยกว่า 19 ล้านคนคืนระบบ ผลักดันเศรษฐกิจไทย รวมถึง SMEs ที่มีกว่า 450,000 ราย ผลักดันธุรกิจค้าปลีกมูลค่ากว่า 3.5 ล้านล้านบาท และธุรกิจบริการที่มีสัดส่วนเป็น 54% ของ GDP ประเทศไทย
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางทีมผู้บริหารได้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวางแผนรับมือกับวิกฤตมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำ “Central Retail & Service Platform” มาเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันธุรกิจค้าปลีกและบริการของประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งแพลตฟอร์มนี้เราเน้นความสำคัญที่ 2 เรื่องหลัก คือ 1. เรื่องความสะอาดและสุขอนามัย โดยเรายึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ พร้อมยกระดับการรักษาความสะอาดด้วยระบบอัจฉริยะให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
2. เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และเชื่อมโยงประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ เพื่อกระตุ้นการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดค่าครองชีพ ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน ด้วยแผน “ยุทธศาสตร์ 5 พร้อม” ที่จะตอบโจทย์ความท้าทายในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) ซึ่งได้พัฒนาไปสู่ความเป็น นาวนอร์มอล (NOW NORMAL) หรือ “โลกแห่งวิถีชีวิตปัจจุบัน” อย่างแท้จริง นับเป็นมิติใหม่ที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. พร้อม…พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วยการช่วยเหลือครบวงจร
โดยได้ดำเนินการไปแล้วใน 3 มิติ ดังนี้
ดึงแรงงานไทยกว่า 19 ล้านคน จากทั้งหมด 33 ล้านคน กลับเข้าสู่ “Central Retail & Service Platform” ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พร้อมจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าฟรีทั่วไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ณ ศูนย์การค้าในเครือ เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ พลาซ่า และไทวัสดุ รวมถึงช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ท็อปส์ ออนไลน์, เซ็นทรัล ออนไลน์ และโรบินสัน ออนไลน์ เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ชุมชน และผู้ประกอบการขนาดเล็ก-ขนาดกลาง (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงกว่า 450,000 ราย ได้กลับเข้ามาจำหน่ายสินค้า และเกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจไทย
เพิ่มปริมาณการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร-สินค้าชุมชน โดยท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ร่วมสนับสนุนเกษตรกรไทยด้วยการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปจาก 1,170 ชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 9,000 รายการ พร้อมเปิดพื้นที่จำหน่ายที่ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และจริงใจ
มาร์เก็ตทุกสาขา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยมากกว่า 24,000 ครัวเรือนให้มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ล็อกราคาสินค้ากว่า 23,000 รายการ นาน 3 เดือน พร้อมร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการลดราคาสินค้า 5-68% กว่า 3,000 รายการ ตลอดปี 2563 ที่ท็อปส์ และแฟมิลี่มาร์ททุกสาขา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน
2. พร้อม…ยกระดับและชูมาตรฐานความสะอาดต่อยอดความแข็งแกร่งระบบสาธารณสุขไทย
ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขั้นสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจที่จะกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า, ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และร้านค้าต่างๆ ในเครืออย่างไร้กังวล พร้อมนำแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกับภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับการเปิดเมืองอย่างปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้
มาตรฐานด้านสุขอนามัย
ปฏิบัติตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากาก ตรวจวัดอุณหภูมิ บริการเจลล้างมือ พนักงานสวมใส่ Face shield และถุงมือ เป็นต้น รวมทั้งนำเทคโนโลยีการอบโอโซน และ UVC มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคบนธนบัตร รวมถึงสินค้าที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง นอกจากนี้ ท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮออล์ ยังจัดช่วงเวลาพิเศษ และช่องจ่ายเงินพิเศษ (Fast lane) ให้แก่ผู้สูงอายุ คนพิการ และสตรีมีครรภ์ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำด้านความปลอดภัย ได้แก่ “หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวี-ซี” และ "เครื่องช่วยวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ"
มาตรฐานด้าน Social Distancing
จำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์ฯ 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. และจัดระยะห่างบริเวณจุดต่างๆ เช่น จุดชำระเงิน ลิฟต์ บันไดเลื่อน และที่นั่งของ Delivery man
มาตรฐานด้าน Trace & Tracking
จัดทำระบบ ‘Safety Tracking’ เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของพนักงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการใน
โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และห้างฯ รวมถึงร้านค้าต่างๆ
3. พร้อม...ใช้นวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Seamless & Contact-free Economy
ชูคอนเซ็ปต์ “Central Retail Smart FIN" ผ่าน “One-Click” ด้วยแอปพลิเคชัน “Dolfin” จากเซ็นทรัล เจดี ฟินเทค (บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล กับเจดี ดิจิตอล) ซึ่งสามารถสแกนจ่ายเงินได้ทันที โดยไม่ต้องจับเงินสด หรือบัตรเครดิต ที่ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทลกว่า 3,100 จุดทั่วประเทศ ถือเป็นการยกระดับเรื่องความสะอาด และช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส พร้อมบริการเพิ่มเติมจากแอปพลิเคชันที่มอบความสะดวกสบาย และประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร อาทิ บริการ “Order & Collect” คลิกสั่งไว ไร้สัมผัส จ่ายเงินง่ายในแอปฯ และรับของได้ที่หน้าร้าน เริ่มใช้แล้วที่ท็อปส์ 10 สาขานำร่องและร้านอาหารในเครือเซ็นทรัลฯ พร้อมทั้งยังมีบริการตอบสนองความต้องการด้วย Omnichannel Personalization ผ่าน Digital Platform ให้ลูกค้าสะสม และใช้ Digital Voucher เมื่อจ่ายผ่านแอปฯ Dolfin และรับ The 1 Point เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่จ่าย ตอบโจทย์และตรงใจลูกค้ายุคดิจิทัลเป็นอย่างดี
4. พร้อม...ต้อนรับ และให้บริการลูกค้าทุกช่องทางในยุค NOW NORMAL
ไม่ว่าลูกค้าจะมาที่ห้างร้าน หรืออยู่ที่บ้าน ต้องได้รับบริการ และประสบการณ์ที่ดีทุกช่องทาง ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล ที่ออกแบบการบริการให้เหมาะกับกลุ่ม Customer Segment ดังนี้
กลุ่มชอบคลิก : บริการ application และ webstores
กลุ่มชอบแชต : Chat & Shop สั่งสินค้าผ่าน Line Official Account พร้อมพนักงานและ
แชตบอตพูดคุย และให้คำแนะนำ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในการชอปปิ้ง และมีการพัฒนาระบบดีลิเวอรีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
กลุ่มชอบโทร. : บริการ Call & Shop สั่งสินค้าผ่าน Call Center โดยจะมีพนักงานคอยสนทนา และให้ความช่วยเหลือในการชอปปิ้งเป็นรายบุคคล สามารถเลือกส่งสินค้าที่บ้าน หรือมารับเองที่สาขาก็ได้
กลุ่มชอบความสะดวก :
บริการ Drive Thru บริการพนักงานส่งสินค้าถึงรถ สะดวก ง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องลงจากรถ
บริการ Click & Collect สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และมารับได้ที่สาขา
บริการ E-ordering กรณีสินค้าไม่มีจำหน่ายในร้าน พนักงานขายหน้าร้านสามารถใช้แท็บเล็ตเช็กสต๊อกสินค้าออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ เพื่ออำนวยสะดวก และประสานให้ลูกค้ามารับสินค้าได้ภายหลัง หมดปัญหาเรื่องพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าร้านเล็กหรือใหญ่ก็มีสินค้าครบทุก SKU เหมือนกัน โดยเริ่มบริการนี้แล้วที่เพาเวอร์บาย และจะขยายต่อให้ครบทุกธุรกิจในเครือ
กลุ่มชอบจองก่อนใคร : บริการ Reserve & Collect กดจองสินค้าออนไลน์ แล้วมาชมสินค้าจริง หรือทดลองก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมชำระเงินได้ที่สาขา ภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังกดจองสินค้า และบริการ 1-hour pickup ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และมารับที่สาขาได้ภายใน 1 ชั่วโมง เลือกชำระเงินได้ทั้งช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้าน
5. พร้อม…เร่งเครื่องแพลตฟอร์ม Central Retail & Service อย่างเต็มที่ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน
ขยายการลงทุนต่อเนื่องในส่วนที่สำคัญต่อธุรกิจ (Future Growth) เช่น นวัตกรรม, เทคโนโลยี, พัฒนาทักษะบุคลากร (Reskill People) และพัฒนาออมนิแชนเนลแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกภาคส่วน รวมไปถึงการขยายสาขาต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เช่น
ไทวัสดุ, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ มาร์เก็ต และ GO! เวียดนาม
มุ่งมั่นที่จะเป็น Center of life หรือ “ศูนย์กลางชีวิตผู้คน” โดยใช้ความแข็งแกร่งของ “Central Retail & Service Platform” ที่ครอบคลุมทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ (Physical & Online store) ทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นศูนย์รวมของลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ซัปพลายเออร์ และธุรกิจ SMEs ต่างๆ พร้อมสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกร และเศรษฐกิจฐานราก สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของเราได้อย่างเต็มที่ และเท่าเทียม
นำโมเดลต้นแบบออมนิแชนเนลที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ต่อยอดไปยังธุรกิจต่างประเทศ เช่น บริการออนไลน์ และออมนิแชนเนล ที่จะเปิดตัวที่รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ในเดือนมิถุนายนนี้ รวมถึงเหงียนคิม ในประเทศเวียดนาม ที่เตรียมเปิดตัวบริการออมนิแชนเนลด้วยเช่นกัน
“New Normal ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็น NOW NORMAL ของการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจในวันนี้ ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลมั่นใจว่า “ยุทธศาสตร์ 5 พร้อม” และ “Central Retail & Service Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของคนไทย สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนไทย จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านสุขอนามัย อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภาครัฐ ภาคเอกชน คนไทยทุกคน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับเข้ามาในประเทศ และสามารถตอบโจทย์การเป็นแพลตฟอร์มของทุกคนได้อย่างแท้จริง” ญนน์กล่าวปิดท้าย