นายยงยุทธ ประวัง เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาบัญชีฟาร์ม จากจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ปัจจุบันทำไร่สับปะรดควบคู่กับการทำเกษตรผสมผสาน โดยมีการนำระบบการบันทึกทางบัญชีมาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่อาชีพเกษตรกรใหม่ๆ เพราะซึมซับมาจากการที่เห็นแม่ทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือนจากอาชีพเลี้ยงสุกรมาโดยตลอด เมื่อมีครอบครัวและยึดอาชีพเกษตรกรรมจึงนำแบบอย่างจากแม่มาปฏิบัติ แต่ในช่วงแรกได้บันทึกในสมุดธรรมดา โดยตีตาราง 2 ช่อง รายรับด้านซ้าย รายจ่ายด้านขวา เพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปของต้นทุนและผลกำไรของการประกอบอาชีพ จนกระทั่งปี 2557 สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์เลย กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้ามาให้คำแนะนำเรื่องของบัญชีครัวเรือน จึงเรียนรู้เพิ่มเติมจากที่เคยทำอยู่ ทำให้เข้าใจการทำบัญชีอย่างเป็นระบบมากขึ้น และได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และมองว่าจุดเด่นของการทำบัญชีต้นทุนคือ การช่วยให้เราสามารถที่จะถอดบทเรียนได้เลยว่าทำเกษตรแปลงไหนมีกำไร แปลงไหนขาดทุน หรือควรวางแผนการปลูกในช่วงไหน เพื่อให้ผลผลิตออกมาสู่ตลาดในช่วงที่มีราคาดี ทำอย่างนี้มาตลอด จนสามารถวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้บัญชีต้นทุนเป็นหลักการเบื้องต้นในการวางแผนก่อนลงมือปฏิบัติ เรียกได้ว่า วิถีในการทำการเกษตรทุกอย่างจะมีการนำ “บัญชี” เข้ามาเกี่ยวข้องทุกกิจกรรม ยกตัวอย่างการทำนา จะจดบันทึกและประเมินตั้งแต่การไถแปลง การหว่านเมล็ดพันธุ์ การใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยว ตลอดจนการจำหน่าย สิ่งเหล่านี้จะช่วยคำนวณต้นทุนและกำไรได้เป็นอย่างดี แล้วยังจะใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนให้เกิดประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในรอบการผลิตต่อไปอีกด้วย
กระทั่งปี 2560 ได้รับคำแนะนำจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์เลยให้รู้จักกับการบันทึกบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SmartMe ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ทันสมัย สามารถบันทึกบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ Smart Phone ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ทำให้ผู้จดบันทึกรู้ตัวตนและสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคุณสมบัติของแอปพลิเคชัน SmartMe คือ ระบบจะประมวลผลรายรับ-รายจ่ายให้แก่ผู้จดบันทึกได้อย่างครบถ้วน
“มีหลายคนตั้งคำถามว่า อายุมากแล้ว แต่ทำไมยังต้องทำบันทึกทางบัญชี โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีบันทึกบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SmartMe ผมจึงบอกไปว่า การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเรื่องอายุ แต่สำคัญว่าเราจะเรียนรู้เรื่องอะไร เรียนรู้จากใคร แล้วจะนำใช้ประโยชน์อย่างไรต่างหาก และทุกครั้งที่ผมทำไม่ได้ หรือไม่รู้ ก็ไม่อายที่จะถามผู้รู้ทันที โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์เลยที่ยื่นมือเข้ามาให้คำแนะนำตลอดเวลา ทำให้เรามีความรู้และกล้าที่จะทำ” นายยงยุทธกล่าว
นายยงยุทธกล่าวต่อว่า นอกจากจะนำระบบบัญชีรับ-จ่ายในบัญชีครัวเรือนมาใช้ในชีวิตประจำวัน และใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพเกษตรแล้ว ในฐานะที่เป็นครูบัญชีอาสา ก็ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรหรือนักศึกษาที่เข้ามาเยี่ยมชมแปลงเกษตรที่บ้าน รวมถึงได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านการทำบัญชีแก่ผู้เข้าฝึกอบรมด้านการเกษตรที่หลายๆ หน่วยงานจัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และปัจจุบันยังได้ส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้ด้านการทำบัญชีและเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นครูบัญชีอาสา เพื่อจะได้ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้แก่เกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปในการนำระบบบัญชีไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จักการวางแผน การคิดวิเคราะห์ สร้างความมั่นคงให้ครอบครัวต่อไป
“บัญชีครัวเรือนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตประจำวันในครอบครัวของทุกคน ช่วยให้เราได้วางแผนในเรื่องการลงทุนได้ถูกต้องและทำให้สามารถคำนวณระยะเวลาได้ค่อนข้างแม่นยำ อีกทั้งช่วยให้ทราบรายละเอียดทั้งหมดในกิจกรรมที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นด้านรายจ่ายหรือรายได้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ช่วยให้รู้ที่มาที่ไปของเงินรายได้ ที่สำคัญทำให้เราได้รู้ตัวเอง คือ “เราต้องดูเราออก บอกเราได้ ใช้เราเป็น เห็นเราชัด” สิ่งเหล่านี้มันก็มาจากการทำบัญชีทั้งสิ้น จึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกคนมาเริ่มทำบัญชีครัวเรือน โดยหากใครมีความประสงค์อยากเรียนรู้ด้านการทำบัญชีครัวเรือน ท่านสามารถเข้าไปขอคำแนะนำได้ที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา หรือปรึกษาครูบัญชีอาสาที่อยู่ในชุมชนของท่านได้” นายยงยุทธกล่าวทิ้งท้าย
