xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.สผ.หั่นลดเป้าขายปิโตรเลียม 7% แจงกำไร Q1 หดเหลือ 275 ล้านดอลล์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.สผ.แจงกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,612 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4/62 ราว 28% พร้อมหั่นเป้ายอดขายปิโตรเลียมปี 63 ลงเหลือ 362,000 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 7% และปรับลดค่าใช้จ่ายปีนี้ 15-20% รับมือสถานการณ์ที่ท้าทายจากราคาน้ำมันตกต่ำและการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2563 ปตท.สผ.มีรายได้รวม 1,771 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 55,335 ล้านบาท) ลดลงประมาณร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับ 1,841 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 55,707 ล้านบาท) ในไตรมาส 4 ปี 2562 โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 363,411 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 395,028 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติจากโครงการในอ่าวไทยจากผู้ซื้อที่ลดลง

นอกจากนี้ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสนี้ลดลงมาอยู่ที่ 44.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 48.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสก่อน ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ดี ในไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงิน 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่บริษัทได้เข้าทำสัญญาล่วงหน้า ในขณะที่สามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ระดับ 31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ทั้งนี้ บริษัทมีรายจ่ายทางภาษีเงินได้จากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลประกอบการของ ปตท.สผ.ในไตรมาสที่ 1 นี้ มีกำไรสุทธิ 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 8,612 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับ 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 11,620 ล้านบาท) ในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 981 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 38,093 ล้านบาท) และมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ร้อยละ 72

นายพงศธรกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำ ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในประเทศลดลงเป็นอย่างมาก ปตท.สผ. จึงได้ปรับลดการคาดการณ์ปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 2563 เป็น 362,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงประมาณร้อยละ 7 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 391,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน รวมถึงปรับลดรายจ่ายการลงทุนของปี 2563 ประมาณร้อยละ 15-20 จากเดิมที่ตั้งไว้ 4,613 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 143,012 ล้านบาท) โดยได้พิจารณาตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนและเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป แต่จะยังคงรายจ่ายสำหรับรักษาระดับการผลิตตามสัญญาเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ รวมถึงรายจ่ายเพื่อพัฒนาโครงการที่พร้อมผลิตใน 3-4 ปีข้างหน้า อาทิ โครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 และการเจาะหลุมสำรวจเพิ่มเติมในแหล่งก๊าซ ลัง เลอบาห์ ในแปลงเอสเค 410บี ประเทศมาเลเซีย

“การดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตฯ ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ความสำเร็จในการปรับลดต้นทุนในอดีตเมื่อครั้งบริษัทเผชิญวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำในช่วง 4-5 ปีที่แล้ว ทำให้ต้นทุนปัจจุบันของบริษัทอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบเคียงกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน อย่างไรก็ตาม วิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของราคาน้ำมัน แต่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง การมุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของบริษัทคงไม่ใช่แค่เพียงการปรับลดต้นทุน แต่จะต้องมุ่งเน้นการปฏิรูประบบและพฤติกรรมการทำงานขององค์กรเพื่อให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว และสามารถปรับเปลี่ยนให้ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสะท้อนต่อโครงสร้างต้นทุนของบริษัทในอนาคตที่จะมีความยืดหยุ่น ให้รองรับได้ทุกสถานการณ์” นายพงศธรกล่าว

ทั้งนี้ ปตท.สผ.มีผลิตภัณฑ์หลักร้อยละ 70 เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้ว และกำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว โดยโครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท.สผ.ผูกกับราคาน้ำมันส่วนหนึ่งและย้อนหลังประมาณ 6-24 เดือน ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาในปีนี้ไว้แล้วบางส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น