ปตท.อ้อนรัฐปรับลดชนิดน้ำมันเหลือ 4-5 ชนิดจากปัจจุบันมีจำหน่ายมากถึง 9 ชนิด ช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ รวมทั้งเสนอปรับโครงสร้างราคาก๊าซเอ็นจีวีให้อิงราคาน้ำมันดีเซลหรือเบนซินแทนก๊าซธรรมชาติ
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.เห็นว่าการปรับลดชนิดน้ำมันลงให้เหลือ 4-5 ชนิดมีความเหมาะสมต่อผู้ใช้บริการน้ำมัน และช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการทำให้บริหารจัดการได้ดีขึ้น ซึ่งผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ ก็เห็นตรงกันจึงอยากให้รัฐพิจารณาปรับลดชนิดน้ำมันลง
โดยให้คงชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน คือ น้ำมันเบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี 20, ดีเซลบี 10, ดีเซล เกรดพิเศษ จากปัจจุบันมีชนิดน้ำมันมากถึง 9 ชนิด คือ เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี 20, แก๊สโซฮอล์ อี 85, ดีเซล, ดีเซล บี 10, ดีเซล บี 20, ดีเซลพรีเมียม
นอกจากนี้ต้องการให้รัฐปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ให้มีความเหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาการอุดหนุนราคาก๊าซเอ็นจีวี รถสาธารณะทุกประเภทไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง การอุดหนุนบางส่วนเป็นการสนับสนุนเจ้าของกิจการที่มีฐานะ และไม่ได้ส่งผ่านมายังอัตราค่าโดยสาร หรือนำมาลดราคาให้ประชาชนแต่อย่างใด ดังนั้นควรเปลี่ยนสูตรใหม่ในการคำนวณราคาก๊าซเอ็นจีวีเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยอิงราคาน้ำมันเป็นหลัก จากปัจุบันที่อ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เช่น กำหนดราคาขายเอ็นจีวีอิงราคาต่ำกว่าเบนซิน 20% หรือต่ำกว่าดีเซล 60-70% เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาด
“ได้นำเสนอแนวคิดการปรับสูตรก๊าซเอ็นจีวีต่อกระทรวงพลังงานไปแล้ว จากเดิมที่มีการอิงราคาก๊าซธรรมชาติแต่ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ ปตท.ยังคงแบกรับภาระอยู่ ต่อไปหากต้องการส่งเสริมสถานีปั๊มก๊าซเอ็นจีวีควรส่งเสริมในแนวท่อก๊าซฯ เท่านั้นเพื่อไม่ต้องเสียค่าขนส่งทางถนนต่อไป และหากรัฐต้องการอุดหนุนราคาก๊าซเอ็นจีวีกับรถสาธารณะต่อเนื่อง ต้องไปพิจารณาว่าคนขับรถสาธารณะควรเป็นผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง และการลดราคาค่าก๊าซฯ ต้องไปลดค่าโดยสารด้วยเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.เห็นว่าการปรับลดชนิดน้ำมันลงให้เหลือ 4-5 ชนิดมีความเหมาะสมต่อผู้ใช้บริการน้ำมัน และช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการทำให้บริหารจัดการได้ดีขึ้น ซึ่งผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ ก็เห็นตรงกันจึงอยากให้รัฐพิจารณาปรับลดชนิดน้ำมันลง
โดยให้คงชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน คือ น้ำมันเบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี 20, ดีเซลบี 10, ดีเซล เกรดพิเศษ จากปัจจุบันมีชนิดน้ำมันมากถึง 9 ชนิด คือ เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี 20, แก๊สโซฮอล์ อี 85, ดีเซล, ดีเซล บี 10, ดีเซล บี 20, ดีเซลพรีเมียม
นอกจากนี้ต้องการให้รัฐปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ให้มีความเหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาการอุดหนุนราคาก๊าซเอ็นจีวี รถสาธารณะทุกประเภทไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง การอุดหนุนบางส่วนเป็นการสนับสนุนเจ้าของกิจการที่มีฐานะ และไม่ได้ส่งผ่านมายังอัตราค่าโดยสาร หรือนำมาลดราคาให้ประชาชนแต่อย่างใด ดังนั้นควรเปลี่ยนสูตรใหม่ในการคำนวณราคาก๊าซเอ็นจีวีเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยอิงราคาน้ำมันเป็นหลัก จากปัจุบันที่อ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เช่น กำหนดราคาขายเอ็นจีวีอิงราคาต่ำกว่าเบนซิน 20% หรือต่ำกว่าดีเซล 60-70% เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาด
“ได้นำเสนอแนวคิดการปรับสูตรก๊าซเอ็นจีวีต่อกระทรวงพลังงานไปแล้ว จากเดิมที่มีการอิงราคาก๊าซธรรมชาติแต่ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ ปตท.ยังคงแบกรับภาระอยู่ ต่อไปหากต้องการส่งเสริมสถานีปั๊มก๊าซเอ็นจีวีควรส่งเสริมในแนวท่อก๊าซฯ เท่านั้นเพื่อไม่ต้องเสียค่าขนส่งทางถนนต่อไป และหากรัฐต้องการอุดหนุนราคาก๊าซเอ็นจีวีกับรถสาธารณะต่อเนื่อง ต้องไปพิจารณาว่าคนขับรถสาธารณะควรเป็นผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง และการลดราคาค่าก๊าซฯ ต้องไปลดค่าโดยสารด้วยเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”