xs
xsm
sm
md
lg

“กรมเจรจาฯ” แนะใช้เอฟทีเอสร้างแต้มต่อ ดันผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดขายสู้โควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประเมินทิศทางตลาดสินค้าสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวมีแนวโน้มขยายตัวหลังโควิด-19 ระบาด แนะผู้ส่งออกใช้เอฟทีเอสร้างแต้มต่อส่งสินค้าไปขายคู่เจรจาเอฟทีเอ หลังล่าสุดมีถึง 15 ประเทศลดภาษีนำเข้าให้ไทยแล้ว เหลือแค่ 3 ประเทศที่เก็บภาษีสบู่บางประเภท เผยอาเซียนนำโด่งตลาดอันดับหนึ่ง ตามด้วยออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดสินค้าสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการทำความสะอาดร่างกายเพื่อป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสมากขึ้น โดยเฉพาะการล้างมือ ทำให้ความต้องการสินค้าสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดส่งออก และยังคาดการณ์ว่าในระยะยาวความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ในตลาดโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสบู่เพื่อป้องกันเชื้อโรค สบู่เพื่อความงาม รวมถึงสบู่ที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติหรือสมุนไพร เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาสนใจเรื่องการรักษาสุขอนามัย ผิวพรรณ และภาพลักษณ์ จึงเป็นโอกาสทองที่สินค้าสบู่ของไทยจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทย โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศที่มีเอฟทีเอกับไทยที่ปัจจุบันมีถึง 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และชีลี ไม่เก็บภาษีนำเข้าสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวจากไทยแล้ว ส่วนอีก 3 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ อินเดีย และเปรู ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสบู่บางประเภท

“ผู้ประกอบการควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า และให้ความสำคัญต่อกฎระเบียบของประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด เช่น การจัดทำข้อมูลความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การแจ้งส่วนผสม การจัดทำฉลาก การขออนุญาตวางจำหน่ายสารเคมีที่ต้องห้าม รวมทั้งระมัดระวังการกล่าวอ้างสรรพคุณเพื่อสุขภาพและความงาม ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น” นางอรมนกล่าว

ในปี 2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวอันดับที่ 9 ของโลก มีมูลค่าส่งออกกว่า 279 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกไป 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ มูลค่า 221 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของการส่งออกสินค้าสบู่ของไทยทั้งหมด โดยมีอาเซียน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ส่วนการส่งออกในช่วง 2 เดือนปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% โดยส่งออกไปฮ่องกง เพิ่ม 181% รองลงมาคือ ออสเตรเลีย เพิ่ม 30% ญี่ปุ่น เพิ่ม 29% และอาเซียน เพิ่ม 16% โดยอาเซียนยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 49% ของการส่งออกสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น