“สนธิรัตน์” แย้มอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการระลอกต่อไปหลัง ครม. เคาะแล้วลดค่าไฟฟ้าครอบคลุม 22 ล้านครัวเรือน ใช้วงเงินบริหารจาก “กกพ.” 2.3 หมื่นล้านบาท ด้าน “กกพ.” จ่อถก 3 การไฟฟ้าหาวงเงินบริหารจัดการให้เพียงพอ จับตา “สมคิด” รุดหารือ “สนธิรัตน์” 23 เม.ย.นี้เคาะช่วยเหลือเอสเอ็มอี ดึงเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ กระตุ้น ศก.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบการพิจารณามาตรการเยียวยาการลดภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ภาคครัวเรือน ระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค. 63 ว่า การบริหารจัดการค่าไฟเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนช่วงการระบาดไวรัสโควิด-19 ในส่วนของภาคครัวเรือนทั้ง 22 ล้านครัวเรือนจะใช้วงเงิน 23,688 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มาบริหาร จากวงเงินที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำกับดูแลที่มาจาก 3 การไฟฟ้า สำหรับภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบ ก็เริ่มมีการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ หรือแจ้งตรงมาอย่างไม่เป็นทางการ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ศึกษาปัญหาและอุปสรรค ก่อนจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง
"ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าในกลุ่มของไฟบ้านที่ใช้ในครัวเรือนอย่างถ้วนหน้า ตลอดจนขอขอบคุณ กกพ.และ 3 การไฟฟ้าที่ดูแลเรื่องนี้เพื่อที่จะทำให้ทุกภาคครัวเรือนได้ลดค่าครองชีพในช่วงนี้" นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับมาตรการเยียวยาค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ใช้ในครัวเรือนที่รายงานต่อ ครม.วันนี้ (21 เม.ย.) มี 2 กลุ่ม คือ 1. มิเตอร์ไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ จะได้ใช้ฟรี 150 หน่วย หรือหากเกินก็ดูแลเช่นกัน 2. มิเตอร์ไฟฟ้าขนาดเกิน 5 แอมป์ขึ้นไป แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. หากใช้ไฟฟ้ามากกว่าเดือน ก.พ. แต่ไม่เกิน 800 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ., หากใช้เกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. บวกกับส่วนที่เกินจะได้รับส่วนลด 50%, หากใช้เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. บวกกับส่วนเกิน ซึ่งจะได้รับส่วนลด 30% โดยการลดหย่อนดังกล่าวจะมีผลค่าไฟ มี.ค.-พ.ค. แต่จะมีการทยอยคืนในรอบบิล พ.ค.เป็นต้นไปแบบอัตโนมัติ
นางอรรชกา สีบุญเรือง กรรมการ กกพ. กล่าวว่า กกพ.จะเร่งพิจารณาโดยจะใช้วงเงินบริหารจัดการ ทั้งเรื่อง CALL BACK หรือเงินที่ 3 การไฟฟ้าลงทุนไม่เป็นไปตามแผน บทปรับของโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามกำหนด และผลดำเนินการด้านฐานะการเงินของ 3 การไฟฟ้าที่มีการกำกับดูแล โดยยอมรับว่าในขณะนี้มีวงเงินส่วนนี้เหลืออยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากวงเงินที่ผ่านได้เข้ามาดูแลทั้งการตรึงค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) เงินลดค่าไฟฟ้า 3% ไปแล้ว
“กกพ.จะหารือกับ 3 การไฟฟ้าว่าจะมีส่วนของการลดต้นทุนเพื่อให้เงินส่วนนี้มีเพิ่มได้อย่างไร โดยก่อนหน้านี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เสนอว่าควรนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ราคาถูกกว่าก๊าซฯ ในอ่าวไทยมาใช้ผลิตไฟฟ้า เพราะราคาก๊าซอ่าวไทยอ้างอิงราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือน ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาน้ำมันในปัจจุบัน และยังมีผู้เสนอว่าให้เฉลี่ยราคาก๊าซฯ เป็นต้นทุนปัจจุบันไปก่อนแล้วค่อยไปเสี่ยงกับราคาในอนาคต ซึ่งค่าไฟฟ้าอาจจะไม่ได้ลดตามต้นทุนที่แท้จริง ประเด็นเหล่านี้ก็คงจะต้องมาหารือกัน” นางอรรชกากล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 23 เม.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะหารือกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมทั้งจะร่วมประชุมคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย ซึ่งจะเน้นให้กองทุนฯ นี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
