“สนธิรัตน์” เตรียมชง ครม.พรุ่งนี้ 21 เม.ย. เคาะมาตรการเพิ่มเติมลดค่าไฟฟ้าช่วยเหลือค่าครองชีพ 20 ล้านครัวเรือน ทั้งขนาดมิเตอร์ต่ำกว่า 5 แอมป์ขยายเพิ่มเป็นใช้ไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟรี กลุ่มที่มีมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ขึ้นไปมีทั้งกรณีใช้ไม่เกิน 800 หน่วย ส่วนเกินจากฐาน ก.พ.ให้ฟรี ไม่เกิน 3,000 หน่วยลด 50% เกินกว่า 3,000 หน่วยลด 30% มีผลตั้งแต่บิล มี.ค.-พ.ค. 63 ย้ำให้ประชาชนจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้น 2 การไฟฟ้าจะลดให้ในบิลค่าไฟแบบอัตโนมัติในบิล พ.ค.เป็นต้นไป
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) 3 การไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อพิจารณามาตรการลดค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้านและทำงานที่บ้าน (Work From Home) ว่า ที่ประชุมได้สรุปแนวทางการพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าเพื่อเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีมาตรการช่วยเหลือไปแล้วบางส่วน โดยมาตรการครั้งนี้จะเน้นช่วยเหลือค่าไฟบ้านที่อยู่อาศัยครอบคลุม 20 ล้านครัวเรือน โดยจะเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) เพื่อเห็นชอบต่อไป
สำหรับมาตรการประกอบด้วย 1. ค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยประเภท 1.1 หรือบ้านที่อยู่อาศัยที่มีมิเตอร์ขนาด 5 แอมป์ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนี้มี 10 ล้านครัวเรือน รัฐบาลได้มีการพิจารณาขยายมาตรการใช้ไฟฟรีจากเดิมไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนเป็นไม่เกิน 90 หน่วยต่อหน่วยใช้ไฟฟรี ที่ประชุมครั้งนี้ได้ขยายให้เป็นการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟรี มีผลเดือน มี.ค.-เม.ย. 63
2. ค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยประเภท 1.2 หรือบ้านที่มีมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ขึ้นไปหรือใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีประมาณ 10 ล้านครัวเรือน จะครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าในเดือน มี.ค.-พ.ค. 63 โดยที่ประชุมได้สรุปแนวทางที่จะช่วยเหลือส่วนเกินการใช้ไฟฟ้าโดยยึดจำนวนหน่วย (ยูนิต) การใช้ไฟในเดือน ก.พ.เป็นตัวเลขฐาน แบ่งเป็น 2.1 กรณีที่ใช้ไฟเพิ่มขึ้นแต่ไม่เกิน 800 หน่วยต่อเดือนจะคิดส่วนเกินจากฐาน ก.พ.ให้ฟรี 2.2 กรณีใช้ไฟเกิน 800 หน่วยแต่ไม่เกิน 3,000 หน่วยเมื่อเทียบกับฐานการใช้ ก.พ.ส่วนเกินจะลดค่าไฟให้ 50% และ 2.3 กรณีใช้ไฟเกิน 3,000 หน่วยขึ้นไปส่วนเกินจากฐานการใช้ ก.พ.จะลดให้ 30%
"กระทรวงพลังงานให้ยึดค่าไฟฟ้าฐานเดือน ก.พ. 2563 เป็นหลัก เนื่องจากมาตรฐานอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติเริ่มมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 ส่งผลให้ประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าครัวเรือนสูงขึ้น ตัวอย่างกรณีกลุ่มที่ 2 เช่น การใช้ไฟฟ้าเกิน 800 หน่วยแต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย เมื่อเทียบกับ ก.พ.แล้วค่าไฟส่วนนี้จะได้ส่วนลด 50% เช่น เดือน ก.พ.ใช้ไฟฟ้า 300 หน่วย แล้วเดือน มี.ค.ใช้ไฟฟ้า 900 หน่วย จำนวนหน่วยที่เพิ่ม 600 หน่วยนี้จะได้ส่วนลด 50% จะจ่ายค่าไฟ 300 หน่วย, กรณีใช้ไฟฟ้ามากกว่า 3,000 หน่วย เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.แล้ว หน่วยที่เพิ่มจะได้ส่วนลด 30% เช่นกรณีเดือน ก.พ.ใช้ไฟฟ้า 300 หน่วย แล้วเดือน มี.ค.ใช้ไฟฟ้า 3,100 หน่วย ในส่วนต่างที่เพิ่ม 2,800 หน่วยจะได้ส่วนลด 30% ส่วน 300 หน่วยแรกจะจ่ายตามเกณฑ์เดิม" นายสนธิรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับบิลค่าไฟในเดือน มี.ค. และ เม.ย. 63 ให้สำรองจ่ายเงินสดไปก่อน โดยหลังจากนี้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะไปหาแนวทางการหักค่าไฟฟ้าย้อนหลังคืนให้ในบิลค่าไฟในเดือน พ.ค. 2563 แบบอัตโนมัติเป็นต้นไป โดยจะทยอยคืน ซึ่ง กกพ.จะหารือเพื่อให้ 2 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ประกาศแนวทางปฏิบัติต่อไปว่าจะทยอยคืนภายในกี่เดือน
"มาตรการลดค่าไฟฟ้า 3% ใน 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย. 63) จะยังคงอยู่แต่กรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้ลด 5% เป็นอีกเรื่องที่เรายังไม่ดู แต่เราได้เร่งช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชนบ้านที่อยู่อาศัยก่อน ซึ่งแนวทางดังกล่าวทาง กกพ.จะไปบริหารเรื่องเงินในการดูแลครั้งนี้เองซึ่งคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาสามารถบริหารจัดการได้" นายสนธิรัตน์กล่าว