“อริยะ พนมยงค์” ยืดอกขอลงจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ช่อง 3 เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว มีผล 20 มิ.ย.นี้ หลังเข้ามากุมบังเหียนได้เพียง 1 ปีเต็ม ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา
วันนี้ (20 เม.ย.) เวลาประมาณ 12.35 น. บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) มีหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง แจ้งกรรมการลาออก โดยในรายละเอียด คือ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งว่า นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ และกรรมการบริษัท เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2563
ทั้งนี้ นายอริยะ พนมยงค์ ได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ, กรรมการบริหารความเสี่ยง
และกรรมการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2562 รวมระยะเวลาได้ประมาณ 1 ปี จากการทาบทามจากทางฝั่งของ นายประชุม มาลีนนท์ ประธานบริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้ยื่นหนังสือลาออกไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยมีหนังสือแจ้งการลาออกไปด้วยเหตุผลทางสุขภาพ มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาที่นายพนมยงค์เข้ามารับตำแหน่ง ได้พยายามปรับโครงสร้างภายในองค์กรเป็นหลัก มีการปรับลดพนักงานออกเป็นระยะ ขณะเดียวกันได้วางแผนการดำเนินงานของช่อง 3 ในปี 2563 ภายใต้วิสัยทัศน์ คือ การเป็นผู้นำทางด้านคอนเทนต์ และธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย ด้วยการไม่มองตัวเองเป็นเพียงแค่ธุรกิจทีวี แต่หัวใจคือเป็นธุรกิจคอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ชิงเวลาผู้บริโภคได้ดีที่สุด ภายใต้พันธกิจที่วางไว้ คือ การปรับเปลี่ยน BEC World ให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีความคิดไปข้างหน้า
การยกระดับดีเอ็นเอความคิดสร้างสรรค์ของช่อง 3 เพื่อส่งมอบความสดใหม่ด้านคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับผู้ชมในปัจจุบัน และใช้เทคโนโลยีกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพผ่านทุกช่องทางหน้าจอทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยระบบผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ทรานส์ฟอร์มความเป็นสื่อตอบโจทย์แบรนด์สินค้า และเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปี 2563 จะอยู่ภายใต้ 6 ส่วน คือ 1. นิวมีเดีย ในลักษณะ D2C ไดเรกต์สู่คอนซูเมอร์โดยตรง ทำงานร่วมกับแบรนด์ ปรับสื่อเดิมให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของการเพิ่มทราฟฟิกการรับชม และเพิ่มยอดขายให้ลูกค้า เป็นต้น 2. โกอินเตอร์ เน้นจีน และอินโดไชน่า ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีก่อน 3. ดิจิทัล กับ “3+” แพลตฟอร์มออนไลน์ในการรับชมคอนเทนต์ช่อง 3 ทั้งหมดในที่เดียว ซึ่งตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 2 เท่า จากปีก่อนยอดวิวโตขึ้น 35% แต่รายได้ทรงตัว
4. นิวคอนเทนต์ จะให้ความสำคัญต่อคอนเทนต์ที่จะนำเสนอในปีนี้มากขึ้น โดยเฉพาะ 3 ช่วงเวลาหลัก คือ 18.00-19.00 น., 19.00-20.00 น. และหลัง 20.20-22.00 น. ไว้ว่าจะเป็นคอนเทนต์ละครที่นำเสนอในรูปแบบใหม่ เดินเรื่องเร็ว กระชับ ห้ามพลาดในการติดตาม หรือรายการใหม่ๆ ที่จะลงในช่วง 6 โมงเย็น 5. อาร์ติสท์ เพิ่มพื้นที่ให้ศิลปินที่มีอยู่กว่า 200 คน ทั้งบนหน้าจอและออนไลน์ ผ่านรายการใหม่ๆ ในรูปแบบทาเลนต์ดีเวลลอปเมนต์ และ 6. ดาต้า ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าใจผู้บริโภค
ทั้งนี้ นายอริยะเคยให้เหตุผลถึงการได้ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับทางช่อง 3 ไว้ว่า จะไม่นึกถึงอุปสรรค มองแต่โอกาสที่จะมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้นให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง และจะทำให้ช่อง 3 เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลกที่ข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ เพราะเชื่อมั่นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยังคงดูคอนเทนต์จากทีวี เพียงแต่ช่องทางรับชมเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น และที่ไหนมีผู้ชมเราต้องอยู่ที่นั่น
"ผมอาจจะมีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไปที่เริ่มทำงานจากบริษัทไทยและไปอินเตอร์ แต่ผมเริ่มจากบริษัทอินเตอร์ และกลับมาทำงานกับบริษัทไทย เนื่องจากที่ผ่านมาคลุกคลีอยู่ในวงการสื่อ แม้จะทำงานกับกูเกิลที่แรก และไลน์ทีวี ได้เห็นถึงข้อเท็จจริงในเรื่องของคอนเทนต์ จึงอยากจะช่วยให้บริษัทไทยได้ข้ามผ่านจุดนี้ไปให้ได้"
ล่าสุด นายอริยะได้กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้บริหารงานให้กับบีอีซี เวิลด์ หรือช่อง 3 ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมสื่อเจอวิกฤตดิสรัปชัน แต่บีอีซี เวิลด์ยังคงมีความแข็งแรงด้านคอนเทนต์อยู่ และยังมุ่งมั่นเดินหน้าเพื่อคงความเป็นผู้นำทางด้านทีวี เจาะตลาดดิจิทัลและต่างประเทศ ผมขอขอบคุณกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบีอีซี เวิลด์ ที่ให้การสนับสนุนการทำงานตลอดมา”
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ ประธานกรรมการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณคุณอริยะในความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการของบีอีซี เวิลด์ โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำ และเติบโตในตลาดที่การแข่งขันไม่ใช่มีแค่เฉพาะคู่แข่งที่เป็นธุรกิจเดียวกัน แต่ยังต้องแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีที่ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้ชมเปลี่ยนไป ผมมั่นใจว่าบีอีซี เวิลด์ ยังเข้มแข็งและยังคงมีความสามารถในการแข่งขันอยู่ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการผลิตคอนเทนต์คุณภาพดีในหลายแพลตฟอร์ม เพื่อผู้ชมของเราและอยู่คู่สังคมไทยต่อไป”
ต่อจากนี้ไปในเรื่องของการบริหารงาน กรรมการบริหารจะมาเป็นผู้ดูแลงานด้านต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ และเพื่อการทำงานที่คล่องตัว โดยคุณรัตนา มาลีนนท์ จะดูแลกลุ่มงานสนับสนุนทั้งหมด คุณอัมพร มาลีนนท์ จะดูแลกลุ่มงานผลิต งานข่าว งานรายการ และการออกอากาศ ส่วนกลุ่มงานขาย การตลาด และธุรกิจดิจิทัลจะดูแลโดยคุณรัชนี นิพัทธกุศล