เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนจากการสำรวจ “China Thailand Travel Sentiment Survey 2020” พบว่า 53% ของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นชาวจีนในเมืองชั้นนำ ต้องการเดินทางไปต่างประเทศภายในปีนี้ โดยเดือนที่มีการตั้งเป้าจะเดินทางมากที่สุด ได้แก่ สิงหาคม ตุลาคม และธันวาคม
วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 (Covid-19) สร้างผลกระทบต่อตลาดการท่องเที่ยวไทยมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย จากเมื่อปีที่ผ่านมามีผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศถึง 39.8 ล้านคน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีนกว่า 11 ล้านคน โดยภาคการท่องเที่ยว โรงแรม และการเดินทางของไทย มีส่วนขยายอยู่ระหว่าง 12-15% ของ GDP และเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การสำรวจความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวของชาวจีนปี 2020 (China Thailand Travel Sentiment Survey 2020) ได้ดำเนินการในช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 โดย ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ (C9 Hotelworks) และเดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย คอมมิวนิเคชั่นส์ (Delivering Asia Communications) มุ่งเน้นที่ปัจจัยความต้องการที่สำคัญในการฟื้นตัวเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งพบผลเชิงบวกที่แข็งแกร่งจากการสำรวจ ผู้บริโภคชาวจีนต้องการมาเที่ยวประเทศไทยถึง 71%
จากผลการสำรวจยังพบว่า พฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนแบบดั้งเดิมในตลาดมวลชน (mass market) มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ กล่าวคือ 83% ของนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มจะเลือกเดินทางแบบอิสระ (independent travel) มากกว่าการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ สิ่งนี้นำไปสู่การพยากรณ์ของอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวต่อช่องทางการซื้อที่ตอบโจทย์นักเดินทางชาวจีนสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ CTrip (61%), Fliggy (16%), เว็บไซต์โรงแรม (9%), Booking.com (5%) และ WeChat (5%)
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญอีกประการหนึ่งของผลการสำรวจ คือจุดหมายปลายทางในประเทศไทยที่เป็นที่นิยมสำหรับการพักผ่อนมากที่สุดของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีน ได้แก่ กรุงเทพ, ภูเก็ต, เชียงใหม่, เกาะสมุย และพัทยา โดยกว่า 75% เลือกเดินทางมายัง 3 อันดับแรก
บิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเส้นทางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยว่า “เราคาดว่าการฟื้นตัวของไทยในตอนแรกจะเป็นการเดินทางภายในประเทศ และจะเคลื่อนเข้าสู่การท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคอย่างรวดเร็ว ด้วยภาคธุรกิจในต่างประเทศของจีนที่พร้อมและเต็มใจที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ดังที่แสดงในผลการสำรวจ”
จากมุมมองที่คาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2563 การเดินทางทางอากาศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคการท่องเที่ยว ตัวบ่งชี้กิจกรรมของสายการบินจาก Flightradar24สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสายการบินระดับภูมิภาคและสายการบินต้นทุนต่ำ (LCC) ของจีนได้กลับมาให้บริการแล้ว
ภาพจาก Flightradar24 ที่แสดงให้เห็นถึงสายการบินภูมิภาคและสายการบินต้นทุนต่ำของจีนเริ่มกลับมาทำการบินแล้วอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ยังมีปัจจัยความหวาดกลัวทั่วโลกสำหรับนักเดินทางหลังจากการระบาดของโรคไวรัส จึงคาดว่าจะทำให้เกิดการเดินทางแค่ระยะสั้นในช่วงแรก เนื่องจากความกังวลเรื่องสุขภาพในการเดินทางโดยเครื่องบิน ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสายการบินตรงจากจีน รวมถึงมีเครือข่ายสายการบินที่ได้รับการจัดสรรและอนุญาตเส้นทางการบินจากจีนมายังไทยมากมาย ดัชนีชี้นำในการฟื้นตัวของการเดินทางในเอเชียอีกประการหนึ่งคือ การแข็งค่าของเงินหยวนของจีน (RMB) เทียบกับเงินบาทไทย หลังจากที่ลดลงถึงระดับต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและสงครามการค้า ปัจจุบันสกุลเงินได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2563 ซึ่งเท่ากับมูลค่าที่เพิ่มขึ้น มีผลต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะมายังประเทศไทย
ด้าน เดวิด จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าวถึงผลการสำรวจในข้อมูลด้านประชากรของนักเดินทางจากจีนที่กำลังเปลี่ยนแปลงว่า “นักเดินทางชาวจีนหน้าใหม่มีอายุน้อยลง มีอิสระมากขึ้น และได้รับอิทธิพลทางดิจิทัลมากกว่าที่เคยเป็นมาโควิด-19 มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความตั้งใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้ในการเดินทาง ซึ่งพวกเขามีความปรารถนาอย่างมากที่จะออกมาท่องเที่ยว ซึ่งเราจะต้องใช้กลยุทธ์ดิจิทัลใหม่เพื่อเข้าถึงพวกเขานั่นเอง”