จากเหตุการณ์ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จนรัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมระดับสูงสุด และได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ประชาชนหยุดการเดินทางและอยู่บ้านเพื่อควบคุมการระบาดและแก้ปัญหาให้ทันท่วงที ส่งผลให้การเดินทางและการบริการขนส่งสาธารณะต่างๆ แทบจะหยุดไปโดยปริยาย ทั้งรถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถขนส่ง สายการบิน ทางด่วน โดยทุกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือกันเต็มที่ แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก
วันนี้ (19 เม.ย.) นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการระบาดของโรค covid-19 ครั้งนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงและเร็วมาก กระทบกันทุกคน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ต้องถือว่าประเทศไทยตั้งหลักได้ดี รัฐบาลควบคุมเหตุการณ์และแก้ปัญหาได้ดีมากแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกอาจช้าไปบ้าง หรือบางอย่างอาจไม่ได้ดังใจ จุดดีของคนไทยคือความสามัคคี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน พอรัฐบาลประกาศเดินหน้าควบคุม แก้ปัญหา เยียวยาให้ทุกภาคส่วน ประชาชนและภาคธุรกิจก็ออกมาช่วยกัน คนรวยกว่าก็ช่วยคนจนกว่า คนที่ไหวก็บริจาคช่วยสนับสนุนทางการแพทย์ และช่วยผู้ได้รับผลกระทบอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องแบบนี้ชาติอื่นสู้คนไทยไม่ได้เลย ในส่วนของ BEM เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐ บริจาคสนับสนุนในด้านต่างๆ และดูแลประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่ เรานำมาตรการสุขอนามัยต่างๆ การควบคุมตรวจสอบมาใช้อย่างเข้มข้น เช่นที่รถไฟฟ้า ก็ต้องเพิ่มการทำความสะอาด มีการตรวจวัดไข้ผู้ใช้บริการ ขอให้สวมหน้ากากอนามัย พยายามลดการใช้เงินสดให้ใช้บัตรเติมเงินแทน
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วน ต้องยอมรับว่าลดลงมากตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องมาช่วงเดือนมีนาคม-ปัจจุบันจะหนักสุด คนใช้รถไฟฟ้าลดไปกว่า 75% ส่วนทางด่วนประมาณ 55% ก็ต้องยอมรับว่ากระทบหนักรายได้หายไปทันที แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้ลด เราไม่มีการเลิกจ้างหรือลดคน มีแต่ดูแลให้พนักงานของเราแข็งแรงมีกำลังใจช่วยกัน พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่เราจ้างก็จ่ายเงินเดือนตามปกติไม่ได้เลิกจ้าง ดูแลเต็มที่ ผู้รับเหมา-supplier ของเราใครกระทบเราก็ช่วยทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพการให้บริการของเราต้องดี ส่วนตนเชื่อว่าการที่รัฐจำกัดควบคุมการเดินทางเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะนานกว่านี้อีกสักนิดก็ต้องยอม รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ในส่วนของ BEM รายได้-กำไรปีนี้ลดลงแน่นอน ต้องประเมินสถานการณ์อีกทีช่วง 1-2 เดือนนี้ แต่มั่นใจพอปัญหาจบผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วนก็จะกลับมาเป็นปกติแทบจะทันทีเพราะประชาชนต้องกลับมาเดินทาง
นายพงษ์สฤษดิ์กล่าวเสริมประเด็นที่ BEM ขอให้รัฐเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโรคไวรัส covid-19 ทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วนลดลง ว่า “สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เป็นเหตุสุดวิสัยที่กระทบกันทุกคน ทั้งประชาชน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ เดือดร้อนหมด รัฐบาลเดินมาถูกแล้ว ต้องประกาศให้ชัดว่าพร้อมเยียวยา ช่วยเหลือให้เต็มที่และเร็ว ให้ทั่วถึง อย่าเลือกปฏิบัติ ตรงนี้ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล ถ้ารัฐไม่ช่วยใครจะช่วย ถ้ารัฐไม่ช่วยก็เท่ากับเอาเปรียบประชาชนและภาคธุรกิจที่เขาเสียภาษีให้ประเทศ ต่อไปภาคเอกชนก็ไม่มั่นใจไม่กล้าลงทุนกับรัฐ ต่างชาติก็หนีหมด ส่วน BEM ต้องยอมรับว่ากระทบหนักจริง เราก็จำเป็นต้องแจ้งให้ กทพ.และ รฟม.ทราบตามหน้าที่ ตามสัญญา ไม่ใช่จ้องจะไปขอชดเชยทันทีโดยไม่มีเหตุผล อะไรที่เรารับได้ ช่วยได้ เราก็พร้อมช่วยเต็มที่ แต่ที่เหลือถ้ามันเกินกำลัง รัฐก็ต้องช่วยในฐานะผู้ดูแล มานั่งหารือช่วยกัน มีวิธีเยอะแยะมากมาย”