คิง เพาเวอร์ พลิกเกมธุรกิจ ฝ่าวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผนึกกำลังพันธมิตรทางการค้าและพนักงาน เปิดตัวโครงการเฉพาะกิจ ภายใต้กลยุทธ์ KING POWER TEAM POWER รวมพลังพนักงานสร้างเครือข่ายขายออนไลน์ผ่าน www.kingpower.com พร้อมอำนวยความสะดวกส่งสินค้าถึงบ้านโดยไม่มียอดขั้นต่ำ คืนกำไรให้ชอปได้แม้ไม่มีเที่ยวบินและพร้อมจัดส่งถึงบ้าน ทั้งสินค้าแบรนด์เนมในราคา Duty Free ในแคมเปญ KING POWER #SHOPSAVESTAYSAFE #ช้อปที่บ้านมีแต่ Safe กับ Save
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจไปทั่วโลก ทั้งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชน ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดในประเทศไทยทำให้ภาครัฐ มีการประกาศปิดสถานที่ให้บริการต่างๆ อันส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจทั้งระบบของประเทศ รวมถึงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้มีการใช้ Social Distancing #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ทำให้องค์กรและบริษัทต่างๆ ใช้นโยบาย Work From Home
ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและสินค้าปลอดอากร (Travel Retail) ชั้นนำระดับโลก ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการร่วมเผชิญวิกฤตนี้กับทุกภาคส่วนด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างสูงสุดในทุกด้าน ซึ่งเป็นแนวทางที่องค์กรยึดถือปฏิบัติมาตลอด 30 ปี
จากสภาวะผกผันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พลิกแผนธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์!
ด้วยกลยุทธ์ ‘KING POWER TEAM POWER’ ที่จะเปลี่ยนพนักงานทุกส่วนเป็น ‘นักขายสินค้าออนไลน์มืออาชีพ’ ให้องค์กรขยายเครือข่ายจาก ‘ออนกราวนด์’ สู่ ‘ออนไลน์’ โดยแผนธุรกิจดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งพันธมิตรทางการค้า พนักงาน และลูกค้าอย่างสูงสุด อีกทั้งตอบโจทย์มาตรการ Social Distancing #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ที่เน้นให้ทุกคนไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านหรือให้การออกนอกบ้านเป็นไปในระดับน้อยที่สุด
สำหรับกลยุทธ์พลิกวิกฤตในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการฉีกทุกกฎเกณฑ์อย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะที่คิง เพาเวอร์พนักงานทุกคนคือหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ ประกอบกับองค์กรเรามีความเชื่อในความเป็นไปได้, ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และเชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน ‘KING POWER TEAM POWER’ จึงเป็นการขับเคลื่อนทั้งระบบ เริ่มจากพนักงาน และพันธมิตรทางการค้า ที่จะแสดงพลังร่วมกันขยายฐานลูกค้าจาก ‘ออนกราวนด์’ สู่ ‘ออนไลน์’ ภายใต้แคมเปญ KING POWER #SHOPSAVESTAYSAFE #ช้อปที่บ้านมีแต่ Safe กับ Save ประสบการณ์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ทุกคนเป็น ‘นักขาย’ มืออาชีพ
เข้าคอร์สอินเทนซีฟฝึกอบรมด้านการขายสินค้าออนไลน์ครบวงจร โดยประสบการณ์ใหม่ในวิกฤตนี้จะเป็น ‘โอกาส’ สำคัญของพนักงานในการเรียนรู้ระบบการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานในอนาคต
จากความเข้มแข็งของกลยุทธ์ที่สร้างจากความเข้มแข็งภายในสู่ภายนอกองค์กร แคมเปญ KING POWER #SHOPSAVESTAYSAFE #ช้อปที่บ้านมีแต่ Safe กับ Save ก็จะช่วยพันธมิตรธุรกิจและผู้บริโภคได้มีช่องทางจำหน่าย และซื้อสินค้า ทั้งสินค้าแบรนด์เนมที่ร่วมแคมเปญในราคา Duty Free ที่จัดส่งถึงบ้าน และสินค้า Non-Duty Free ได้แก่ เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์, สินค้าเพื่อสุขภาพ, สินค้าแฟชั่น, ผลิตภัณฑ์ความงาม, อาหาร และขนมกินเล่น, เครื่องใช้ในบ้าน, ชุดและอุปกรณ์กีฬา, นาฬิกา และสินค้าแม่และเด็ก ผ่านช่องทางออนไลน์ www.kingpower.com และแอปพลิเคชัน KING POWER ‘โดยไม่มีค่าจัดส่งสินค้า’ และมั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าคุณภาพของแท้ 100% พร้อมความคุ้มค่ามากมาย ทั้งส่วนลด และสิทธิประโยชน์ที่มอบให้ลูกค้าสมาชิก และโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้สมัครสมาชิกใหม่ เช่น ส่วนลดทันที 200 บาท, การใช้กะรัตสะสมแทนเงินสดในการซื้อสินค้า, สิทธิการผ่อนชำระสินค้าและรับเครดิตเงินคืนจากธนาคาร เป็นต้นพร้อมจัดสินค้าโปรโมชันพิเศษหมุนเวียน นำมา ‘คืนกำไร’ ให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ให้บริการสินค้า Duty Free และ Non-Duty Free ผ่านช่องทางออนไลน์ www.kingpower.com และแอปพลิเคชัน KINGPOWER โดยลูกค้าที่มีและไม่มีไฟลต์บินสามารถสั่งซื้อ และจองสินค้าได้ล่วงหน้า สร้างการเติบโตด้านยอดขาย และสามารถขยายฐานลูกค้าให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่มียอดการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์สูงสุด คือสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาคือ น้ำหอม สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้าน และสินค้าแฟชั่น ตามลำดับ
ในสภาวะโควิด-19 นี้ คิง เพาเวอร์มองเห็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อน และสร้างการรับรู้ระบบคิง เพาเวอร์ ชอปปิ้งออนไลน์ให้ลูกค้า โดยมีพนักงานเป็นเครือข่ายสร้างการรับรู้และเพิ่มรายได้พิเศษ ในขณะเดียวกันยังช่วยบรรเทาผลกระทบสำหรับพันธมิตรทางการค้าให้สามารถขายสินค้าได้ นอกจากนี้ยังได้ให้การร่วมสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือการรักษาดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ บุคลากรทางการแพทย์ ในนามมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา รวมทั้งสิ้น 45 ล้านบาท ให้แก่สถาบันบำราศนราดูร, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลรามาธิบดี อีกด้วย