BCP ปรับแผนธุรกิจปีนี้รับมือโควิด-19 คาดได้ข้อสรุป เม.ย.นี้ เล็งทบทวนเป้า EBITDA เน้นรักษาสภาพคล่อง และปรับแผนการลงทุนใหม่
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจใหม่เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมัน โดยเบื้องต้นต้องทบทวนทั้งในส่วนของเงินลงทุนในปีนี้ และเป้าหมายกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่เดิมคาดว่าจะเติบโต 20% จากปีก่อน โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะสรุปได้ภายในเม.ย.นี้
การดำเนินการดังกล่าวเพื่อมุ่งเน้นการบริหารสภาพคล่อง หลังจากที่สถานการณ์ราคาน้ำมัน และยอดขายน้ำมันในเชิงปริมาณลดลงในไตรมาส 1/63 คาดว่าปริมาณขายน้ำมันจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน และแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/63 ที่ประชาชนส่วนใหญ่กักตัวอยู่ที่บ้าน และบางจังหวัดล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะปรับลดสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมาย 6% ของปริมาณการค้า เหลือเป็น 4% ระยะเวลา 1 ปี และระยะที่ 2 เป็น 5% หลังจาก 1 ปี เป็นต้นไปนั้น ก็จะสามารถช่วยเหลือในด้านการบริหารสภาพคล่องของโรงกลั่นน้ำมันได้บ้าง ซึ่งคงจะเห็นผลในช่วงไตรมาส 2/63
"รัฐเพิ่งออกระเบียบใหม่ลดสำรองเหลือ 4% ก็จะช่วยสภาพคล่องได้ส่วนหนึ่งด้วย ก็จะเห็นผลในไตรมาส 2 นี้ ส่วนเป้าหมาย EBITDA ยังต้องดูเงินลงทุน ก็ต้องรีวิวกำลังดูอยู่ อะไรไม่จำเป็นก็ตัดหมด อะไรเลื่อนได้ก็เลื่อน เพราะเราต้องดูแลสภาพคล่อง ส่วนแผนลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเพื่อให้ตามมาตรฐานยูโร 5 นั้นต้องดูนโยบายอีกที การจัดทำแผนทั้งหมดน่าจะเสร็จภายในเดือนนี้" นายชัยวัฒน์กล่าว
ก่อนหน้านี้ BCP ประกาศแผนตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 63-67) ที่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท สำหรับพัฒนาและขยายธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าราว 60-70% เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมั่นคง ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนธุรกิจอื่นทั้งโรงกลั่น และการตลาดค้าปลีก และอื่นๆ โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะใช้เงินลงทุนราว 2.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้า EBITDA เติบโต 2.5 เท่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 67
สำหรับการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 2 เดือนตั้งแต่ พ.ค.-มิ.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก หลังจากนั้นจะปรับลดการผลิต 8 ล้านบาร์เรล/วันในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และจากนั้นจะปรับลดการผลิต 6 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 16 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 65 นั้น นายชัยวัฒน์เห็นว่ายังไม่สามารถประเมินทิศทางราคาน้ำมันได้ชัดเจนในช่วงนี้ เพราะปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมันของโลกลดลงไปมากราว 20-30% คงต้องรอดูการประชุมรัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่ม G20 ในวันนี้ว่าจะเข้าร่วมลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มบางจาก ผ่านบริษัท OKEA ที่นอร์เวย์นั้น ขณะนี้ยังคงผลิตในระดับเดิมประมาณ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยไม่ได้ลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด และการผลิตในระดับปัจจุบันยังคงมีมาร์จิ้นอยู่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายส่วนเงินสดที่ใช้จริงต่อบาร์เรล (cash cost) ไม่ถึง 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล