“ส.อ.ท.” ผวาภัยแล้งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย คาดฉุดผลผลิตทางการเกษตรลด 20-30% หวังรัฐจะดูแลระบบบริหารจัดการน้ำเร่งด่วนที่เป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติที่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งผลักดันเกษตรปลอดภัยให้ไทยเป็นครัวโลก ยกระดับรายได้เกษตรกร ขณะที่อ้อยโอดแล้งทำปีนี้ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลต่ำสุดรอบ 10 ปีและแนวโน้มจะลดลงอีก เช่นเดียวกับปาล์มที่คาดผลผลิตจะลดลงจากภัยแล้ง
นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ภัยแล้งใกล้ชิดเนื่องจากมีการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาก่อนหน้านี้ว่าไทยจะต้องเผชิญกับฝนแล้งที่ยาวนานและผลกระทบอาจรุนแรงกว่าปี 2558 ซึ่งหากเป็นไปตามทิศทางดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทยปี 2563 ลดลงจากปีก่อนเฉลี่ย 20-30%
“ก็คงต้องติดตามว่าภัยแล้งปีนี้จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ยิ่งแล้งมากก็จะกระทบมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าปริมาณน้ำในเขื่อนลดลงอย่างมากทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ไทยไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้ทั้งที่ไทยเองไม่ได้ขาดแคลนน้ำเมื่อถึงฤดูฝนน้ำก็ท่วมอีก สิ่งเหล่านี้เพราะไทยยังไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งภาคเกษตรถือเป็นกลไกเศรษฐกิจหลักของไทยอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ และอนาคตจะยิ่งสำคัญหากไทยพัฒนาดีๆ ก็จะก้าวสู่ครัวโลก สามารถยกระดับรายได้ให้เกษตรกรพ้นจากความยากจนได้” นายศักดิ์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลควรกำหนดยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและเกษตรปลอดภัยทั้งระยะสั้น กลาง และยาวเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างภาคการเกษตรทั้งระบบ โดยเน้นการปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงไม่ใช่คิดเพียงแผนงาน ซึ่งจะเห็นว่าจีนได้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่และผันน้ำขึ้นเหนือ ดังนั้นไทยก็สามารถทำได้โดยเฉพาะการผันน้ำจากแม่น้ำโขงเพื่อมาเติมในภาคอีสาน ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้มีน้ำเพียงพอต่อการพัฒนาเกษตรยังทำให้สามารถบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วมได้อีกด้วย
ขณะที่การพัฒนาเกษตรจะต้องยกระดับเป็นเกษตรปลอดภัย เน้นนวัตกรรมมาขับเคลื่อนและสามารถผลักดันการส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มให้ไทยกลายเป็นครัวโลก และกำหนดให้รายได้นั้นตกถึงเกษตรกรโดยแท้จริงก็จะทำให้คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรมีรายได้ไม่สูงเป็นกลุ่มคนที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถนำไปสู่การขับเคลื่อนให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลางในอนาคต ซึ่งหากขาดการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ประเทศไทยก็จะยิ่งลำบากในอนาคต
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 7 กล่าวว่า จากภาวะภัยแล้งมีแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจะได้รับผลกระทบให้ผลผลิตในฤดูหีบปี 63/64 ที่จะมีการเปิดหีบช่วงปลายปีนี้ให้ตกต่ำอีกครั้ง หลังจากการปิดหีบฤดูผลิตปี 62/63 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อ 25 มี.ค.ไทยมีผลผลิตอ้อยอยู่ที่ 74.89 ล้านตันน้ำตาลทรายอยู่ที่ 8.27 ล้านตัน นับเป็นปริมาณการผลิตที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลจากภัยแล้งคาดว่าปีนี้จะกระทบต่อผลผลิตปาล์มจะลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาปาล์มทะลายกลับยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยมาอยู่ที่ 2.50-3.30 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ลดลงจากต้นปีที่อยู่ระดับ 4-5 บาทต่อ กก. แม้ว่ากระทรวงพลังงานได้มีการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่จะนำไปผลิตเพื่อเป็นน้ำมันไบโอดีเซลบี 10 เพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม