กรมการค้าภายในเตือนพ่อค้าแม่ค้า อย่าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า หลังประชาชนมีความกังวลต่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คำสั่งปิดห้างและสถานที่อื่นๆ ยันหากตรวจสอบพบจะจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ยืนยันสินค้ามีเพียงพอ อาจขาดช่วงบ้างช่วงคนซื้อเยอะ แต่ห้างจะเร่งเติมตลอด ไม่มีขาดแน่ แถมไปซื้อได้ทุกวัน ไม่มีปิด
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประสานงานกับพาณิชย์จังหวัด และสำนักงานช่างตวงวัด ในการตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้ากักตุนสินค้า หรือฉวยโอกาสในการปรับขึ้นราคาสินค้า หลังจากที่ประชาชนในหลายพื้นที่มีการซื้อสินค้าที่จำเป็นจำนวนมากจากความกังวลสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 และคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า และสถานที่อื่นๆ โดยหากตรวจสอบพบการฉวยโอกาสจะดำเนินการตามกฎหมายสูงสุด มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งจะดำเนินการอย่างเข้มงวด เพราะก่อนหน้านี้ ศาลก็ได้มีการสั่งจำคุกและลงโทษกับผู้ขายหน้ากากแพงไปแล้วหลายราย
"ได้มีการหารือกับประกอบการสินค้ากว่า 56 ราย ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในสถานการณ์ที่ประชาชนแห่ชื้อสินค้า โดยได้รับการยืนยันผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้าว่าปัจจุบันยังมีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้ง สถานการณ์ปัจจุบันต่างไปจากช่วงนี้ที่มีปัญหาน้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการขนส่ง โรงงานบางแห่งปิดการผลิต ทำให้สินค้าขาดแคลน แต่ปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตและขนส่งได้ตามปกติ จึงไม่อยากให้เกิดการกักตุนสินค้า"
อย่างไรก็ตาม การที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดจำนวนลงอย่างมาก ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคและบริโภค ลดลงไปอย่างมากเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าสินค้าอุปโภคบริโภคจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพียงแต่ความตื่นตระหนกของประชาชนในระยะสั้น อาจจะทำให้ดูเหมือนว่าสินค้าอาจะขาดแคลน ซึ่งกรมฯ ได้ประสานไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ ให้เร่งทยอยเติมสินค้าในชั้นวางให้มีสินค้าวางขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
ทั้งนี้ ตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังคงเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร โดยขายได้เฉพาะหิ้วกลับบ้าน ซึ่งประชาชนยังสามารถซื้อสินค้าได้ตามปกติ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารบริโภค รวมทั้งยังสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เพราะห้างแต่ละแห่ง ก็มีบริการจัดส่งสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ จึงมั่นใจได้ว่าประชาชนสามารถที่จะเข้าถึงการบริโภคสินค้าได้ โดยไม่มีปัญหาขาดแคลน
