“จุรินทร์” เตรียมชง “บิ๊กตู่” พิจารณามาตรการรับมือโควิด-19 เสนอใช้งบรัฐซื้อหน้ากากอนามัยแจกฟรีโรงพยาบาล แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ใช้รับมือการระบาด และให้ผู้ว่าฯ รับผิดชอบแจกกลุ่มเสี่ยง ส่วนประชาชนแนะใช้หน้ากากทางเลือก หน้ากากผ้าแทน พร้อมมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ หน้ากาก N95 ชุดป้องกัน ถุงมือยาง เทอร์โมมิเตอร์อย่าให้ขาด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมเรื่องการบริหารจัดการด้านเวชภัณฑ์ป้องกันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2563 ว่า กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ให้ร่วมกันดูแลเรื่องเวชภัณฑ์ป้องกันไม่ให้ขาดแคลน และมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ จึงได้นัดประชุมร่วมกัน และเห็นควรเสนอมาตรการด้านเวชภัณฑ์ป้องกันที่จำเป็นต้องใช้รองรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะนำเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 23 มี.ค. 2563 เพราะจะมีการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมด และยังต้องเสนอของบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินการด้วย
สำหรับหน้ากากอนามัย ได้เสนอให้รัฐบาลใช้งบประมาณจัดหาให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องใช้สูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อความปลอดภัย โดยกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่าถ้ามีหน้ากากอนามัยเพิ่มจากเดิม 30-50% หรือจากที่ได้รับขณะนี้วันละ 1.3 ล้านชิ้น ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้
ส่วนการกระจายให้กลุ่มเสี่ยง เห็นว่าขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนไป มีการแพร่กระจายมากขึ้น และปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพนักงานควบคุมโรคระดับพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จึงจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาการกระจายหน้ากากอนามัยให้แก่กลุ่มเสี่ยงต่างๆ เพราะจังหวัดรู้ดีว่าในพื้นที่ใครคือกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มแท็กซี่ กลุ่มผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ กลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งจะต้องให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มีหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันตัวเองและป้องกันการแพร่ระบาด โดยกระทรวงสาธารณสุขจะไปหารือกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาว่าความต้องการที่แท้จริงเป็นอย่างไรต่อไป สำหรับประชาชนทั่วไป จะรณรงค์ให้ใช้หน้ากากทางเลือก หน้ากากผ้า ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นโดยลำดับแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยมีกำลังการผลิตได้วันละ 2.2 ล้านชิ้น และศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย กรมการค้าภายใน ได้กระจายให้กระทรวงสาธารณสุขวันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้แก่โรงพยาบาล สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ อีก 9 แสนชิ้น กรมการค้าภายในกระจายให้กลุ่มเสี่ยงต่างๆ และประชาชน ซึ่งจะดำเนินการตามรูปแบบนี้ไปก่อน จนกว่าจะมีมาตรการใหม่ออกมา ส่วนหน้ากากอนามัยคงเหลือที่ยังจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดก็จะยังยึดตามมาตรการเดิม โดยเฉพาะการกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด และการดำเนินการจับกุมผู้ค้ากำไรเกินควรตามกฎหมาย
สำหรับเวชภัณฑ์ป้องกันอื่นๆ เช่น เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ กระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบไปดำเนินการให้มีการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เพราะขณะนี้กรมสรรพสามิตได้ผ่อนผันให้นำเอทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญมาเป็นส่วนผสมจำหน่ายได้แล้ว แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นมากขึ้น หน้ากาก N95 ที่ใช้ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบจัดหา และกระจายให้สถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชน ชุด PPE (Personal Protection Equipment) อุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล หรือชุดคลุมทั้งตัวที่ต้องใช้ในห้องติดเชื้อ กระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบในการจัดหาและกระจายเช่นเดียวกัน ถุงมือยางทางการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่ามีเพียงพอใช้ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ อย.รับเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการนำเข้าให้ง่ายขึ้น ภายใต้การควบคุมคุณภาพ