“พาณิชย์” แจ้งข่าวดี ผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มเป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้นแล้ว หลังผู้ผลิตร่วมมือปรับสายการผลิต เผยกระจายให้สาธารณสุขเพิ่มเป็นวันละ 1.3 ล้านชิ้น ช่วยหมอ บุคลากรทางการแพทย์ ที่เหลือกรมการค้าภายในกระจายให้กลุ่มเสี่ยง ขายให้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ปริมาณการผลิตหน้ากากอนามัยได้ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โรงงานผลิตที่มีอยู่ได้ให้ความร่วมมือในการปรับสายการผลิตหน้ากากชนิดอื่นมาเป็นการผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยผลิตได้วันละ 1.71 ล้านชิ้น เพิ่มเป็น 1.9 ล้านชิ้นในวันที่ 18 มี.ค. 2563 และล่าสุดวันที่ 19 มี.ค. 2563 ได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้นแล้ว ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายไปยังผู้ที่จำเป็นต้องใช้และประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในได้แบ่งการกระจายหน้ากากอนามัย โดยกระจายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นวันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อให้กระจายต่อไปยังโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลกรมการแพทย์ โรงพยาบาลรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลเอกชน สมาคมคลินิกไทย โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย สถานพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักอนามัย เป็นต้น ซึ่งทำให้แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการจัดสรรก่อนมีหน้ากากอนามัยใช้ เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันว่าหากได้รับหน้ากากอนามัยวันละ 1.1 ล้านชิ้นก็สามารถบริหารจัดการให้เพียงพอได้
ส่วนที่เหลืออีก 9 แสนชิ้น กรมการค้าภายในจะบริหารจัดการ โดยจะกระจายให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ถูกกักตัวที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ผู้ทำงานในกลุ่มแพทย์ฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงเดิม เช่น ผู้ให้บริการในสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง ส่วนประชาชนทั่วไปได้กระจายผ่านร้านธงฟ้า เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี วิลล่ามาร์เก็ต ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอินทนิล และล่าสุดกำลังจะกระจายผ่านคาเฟ่ อเมซอน
อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาที่ประชาชนยังไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ตามร้านที่กระจายไปนั้น ได้ขอความร่วมมือทางห้างและร้านสะดวกซื้อแล้วให้เปิดขายในตอนกลางวัน และให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อป้องกันการเวียนซื้อ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เช่น แม็คโคร เปิดจำหน่ายวันละ 2 รอบ และต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนที่ยังดูว่าสินค้ามีน้อย และหมดไว เนื่องจากทางห้างและร้านสะดวกซื้อ ต้องกระจายสินค้าลงไปยังสาขาต่างๆ หากมีสาขามาก ปริมาณสินค้าที่ลงไปก็น้อยลงตามไปด้วย เพราะสินค้ามีจำกัด ซึ่งต้องขอความร่วมมือให้ประชาชนหันมาใช้หน้ากากผ้าให้มากขึ้น