xs
xsm
sm
md
lg

ก.อุตฯ เด้งรับนโยบาย “สมคิด” รุดศึกษาต่อยอดผู้ผลิตไทยสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงอุตสาหกรรมรุดเช็กความพร้อมการก้าวสู่ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าใน 5 ปีข้างหน้าตามนโยบาย สมคิด” ลงพื้นที่ส่องศักยภาพบริษัทยานยนต์สัญชาติไทยหวังต่อยอดให้ก้าวสู่ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งชิ้นส่วนและรถยนต์ทุกระดับ รับเทรนด์โลกและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 1-1/2563 ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 5 ปี กระทรวงฯ จึงได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยม บริษัท โชคนำชัยแมชชีนนิ่ง จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตและประกอบยานพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์ รถบัส และเรือ สัญชาติไทยรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นสถานประกอบการที่มีศักยภาพความพร้อม สามารถต่อยอดในการผลิตชิ้นส่วนและการประกอบยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้

“โรงงานแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในเชิงวิศวกรรม มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย รถมินิบัส จำนวน 2,880 คัน/ปี เรือตรวจการณ์ จำนวน 70 ลำ/ปี เรือขนาดใหญ่ 16-20 เมตร จำนวน 30 ลำ/ปี เรือท้องแบน จำนวน 1,500 ลำ/ปี และแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ 320 ชิ้น/ปี ซึ่งนับว่ามีศักยภาพที่ต่อยอดไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าได้” นายกอบชัยกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของอุปสงค์ (ความต้องการใช้) และอุปทาน (ผู้ผลิต) เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องในยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงผลักดันผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยโดยเร็ว สอดรับกับเป้าหมายในปี 2030 มุ่งให้ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตยานยนต์ทั้งหมด โดยแผนระยะสั้น (ปี 2020-2022) จะมีการขับเคลื่อนรถราชการ รถบัสสาธารณะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารับจ้างสาธารณะ และรถส่วนบุคคลอื่นๆ ประมาณ 60,000-110,000 คัน แผนระยะกลาง (ปี 2021-2025) เร่งให้มีรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ECO EV และ Smart City Bus ประมาณ 250,000 คัน และแผนระยะยาวในปี 2030 จะมียานยนต์ไฟฟ้า 750,000 คัน

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ได้เปิดให้มีการส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมทั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อเป็นการผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการวางรากฐานให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จะเป็นทางออกของการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ๆ รวมถึงการแก้ปัญหามลพิษที่มีศักยภาพ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตการจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จะสัมฤทธิผลได้อย่างยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น