ผู้จัดการรายวัน 360 - บอร์ดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาตินัดแรก สั่งเร่งเครื่องหนุนไทยสู่ศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV)ภายใน 5 ปี ระยะแรกเร่งสร้างตลาด หนุนปตท.จับมือกฟผ. ผุดสถานีชาร์จลุยโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ลุยปรับวินมอเตอร์ไซต์ให้ใช้ EV 5.3 หมื่นคันในปี 63-65 ขณะที่ส.อ.ท.แนะต้องอัดสิทธิประโยชน์และมาตรการหนุนแบบแรงเพื่อกระตุ้นให้เกิด
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะให้ทุกภาคส่วนเร่งขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ให้ได้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ไปโดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกระทรวงพลังงานและคมนาคมไปหารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการก้าวผ่านไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ในระยะเร่งด่วนได้แก่ การใช้รถEV ในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ,Smart City Bus และรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ (วินสะอาด)
"เป้าหมายคือเราต้องก้าวไปสู่ฮับในภูมิภาคอาเซียน แต่ตัวเลขแต่ละส่วนว่าจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะถ้ามาเร็วตัวเลขมันก็จะต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว ขอให้ไปลดอุปสรรคต่างๆและสร้างตลาดเบื้องต้นก่อนทั้งดีมานด์รถ สถานีชาร์จ ทุกอย่างต้องมาด้วยกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)จะต้องไปดูมาตรการสนับสนุนว่าจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นเร็วจะต้องเพิ่มสิทธิประโยชน์ในส่วนใดได้บ้างทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่ "นายสมคิดกล่าว
สำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้ารถEV ( EV Charging Stations) ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ร่วมมือกันพัฒนาเพื่อกระจายให้มากขึ้นโดยไม่ใช่เป็นการไปแข่งขันกันเองซึ่งทางบีโอไอควรจะมาพิจารณามาตรการส่งเสริมฯในส่วนนี้ด้วยเพื่อให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับโดยระยะห่างของสถานีชาร์จควรจะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตร(กม.)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้มีเป้าหมายปี 2573 จะมีรถ EV 30% ของปริมาณผลิต 2.5 ล้านคัน หรืออย่างต่ำ 750,000 คันซึ่งหลายฝ่ายมองว่าถ้า EV มาเร็วตัวเลขเหล่านี้ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะต้องเร่งสร้างตลาดโดยระยะเร่งด่วนที่จะเป็นการช่วยลดภาวะมลพิษในส่วนของการส่งเสริมวินสะอาดซึ่งมีเป้าหมายจักรยานยนต์รับจ้างจำนวน 53,000 คันในช่วงปี 2563-65 รวมถึงส่งเสริมผู้ผลิตไทย และประชาชนให้เข้าถึงรถEV หรือ Smart City Bus 5,000 คัน ใน 5 ปี เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กฟผ.เตรียมที่จะนำร่องปรับมอเตอร์ไซต์รับจ้าง(วิน)มาใช้รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าหรือ EV นำร่องในเขตกทม.ได้ในช่วงแรก 500 คันที่คาดว่าจะเริ่มได้ในก.ค.นี้ ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นเมื่อเปรียบเทียบค่าน้ำมันที่ใช้ประมาณ 2 ลิตรระยะทาง 100 กม/วัน.วินที่ใช้น้ำมันคิดเป็น 55บาท แต่หากเปลี่ยนมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในสัดส่วนที่เท่ากัน คิดเป็นค่าไฟฟ้าเพียง 10 บาทเท่านั้นหรือสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้วันละประมาณ 45 บาท หรือประหยัดได้ปีละ 16,425 บาท เป็นต้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐ ต้องให้สิทธิในเรื่องภาษีอย่างเข้มข้น เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการหันมาผลิตมากขึ้น และกรณีที่จะเปลี่ยนวินมอเตอร์ไซต์มาใช้EV ควรต้องให้สิทธิประโยชน์ทั้งในเรื่องการสนับสนุนส่วนลด รวมทั้งจัดสินเชื่ออัตราพิเศษ และที่สำคัญควรเร่งสนับสนุนให้รถสามล้อรับจ้าง หรือรถตุ๊กตุ๊ก เปลี่ยนมาเป็นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าโดยเร็ว โดยให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าทั้งหมด เป็นต้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะให้ทุกภาคส่วนเร่งขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ให้ได้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ไปโดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกระทรวงพลังงานและคมนาคมไปหารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการก้าวผ่านไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ในระยะเร่งด่วนได้แก่ การใช้รถEV ในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ,Smart City Bus และรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ (วินสะอาด)
"เป้าหมายคือเราต้องก้าวไปสู่ฮับในภูมิภาคอาเซียน แต่ตัวเลขแต่ละส่วนว่าจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะถ้ามาเร็วตัวเลขมันก็จะต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว ขอให้ไปลดอุปสรรคต่างๆและสร้างตลาดเบื้องต้นก่อนทั้งดีมานด์รถ สถานีชาร์จ ทุกอย่างต้องมาด้วยกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)จะต้องไปดูมาตรการสนับสนุนว่าจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นเร็วจะต้องเพิ่มสิทธิประโยชน์ในส่วนใดได้บ้างทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่ "นายสมคิดกล่าว
สำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้ารถEV ( EV Charging Stations) ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ร่วมมือกันพัฒนาเพื่อกระจายให้มากขึ้นโดยไม่ใช่เป็นการไปแข่งขันกันเองซึ่งทางบีโอไอควรจะมาพิจารณามาตรการส่งเสริมฯในส่วนนี้ด้วยเพื่อให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับโดยระยะห่างของสถานีชาร์จควรจะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตร(กม.)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้มีเป้าหมายปี 2573 จะมีรถ EV 30% ของปริมาณผลิต 2.5 ล้านคัน หรืออย่างต่ำ 750,000 คันซึ่งหลายฝ่ายมองว่าถ้า EV มาเร็วตัวเลขเหล่านี้ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะต้องเร่งสร้างตลาดโดยระยะเร่งด่วนที่จะเป็นการช่วยลดภาวะมลพิษในส่วนของการส่งเสริมวินสะอาดซึ่งมีเป้าหมายจักรยานยนต์รับจ้างจำนวน 53,000 คันในช่วงปี 2563-65 รวมถึงส่งเสริมผู้ผลิตไทย และประชาชนให้เข้าถึงรถEV หรือ Smart City Bus 5,000 คัน ใน 5 ปี เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กฟผ.เตรียมที่จะนำร่องปรับมอเตอร์ไซต์รับจ้าง(วิน)มาใช้รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าหรือ EV นำร่องในเขตกทม.ได้ในช่วงแรก 500 คันที่คาดว่าจะเริ่มได้ในก.ค.นี้ ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นเมื่อเปรียบเทียบค่าน้ำมันที่ใช้ประมาณ 2 ลิตรระยะทาง 100 กม/วัน.วินที่ใช้น้ำมันคิดเป็น 55บาท แต่หากเปลี่ยนมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในสัดส่วนที่เท่ากัน คิดเป็นค่าไฟฟ้าเพียง 10 บาทเท่านั้นหรือสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้วันละประมาณ 45 บาท หรือประหยัดได้ปีละ 16,425 บาท เป็นต้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐ ต้องให้สิทธิในเรื่องภาษีอย่างเข้มข้น เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการหันมาผลิตมากขึ้น และกรณีที่จะเปลี่ยนวินมอเตอร์ไซต์มาใช้EV ควรต้องให้สิทธิประโยชน์ทั้งในเรื่องการสนับสนุนส่วนลด รวมทั้งจัดสินเชื่ออัตราพิเศษ และที่สำคัญควรเร่งสนับสนุนให้รถสามล้อรับจ้าง หรือรถตุ๊กตุ๊ก เปลี่ยนมาเป็นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าโดยเร็ว โดยให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าทั้งหมด เป็นต้น
