“พาณิชย์” สรุปยอดการดำเนินคดีต่อผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผิดกฎหมาย เผย 11 มี.ค.จับกุมได้ 8 ราย ในจำนวนนี้ดำเนินคดีต่อผู้ค้าและลาซาด้ารวม 3 คดี ที่เหลือฟันผิดไม่ปิดป้ายราคา ขายเกินราคาควบคุม ค้ากำไรเกินควร และมีจับกุมผู้ขายแอลกอฮอล์แพงเกินสมควรด้วย ส่วนยอดรวมทั้งหมดจับได้แล้ว 123 ราย พร้อมสั่งพาณิชย์จังหวัดลุยตรวจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ประจำวันที่ 12 มี.ค. 2563 ว่า ผลการจับกุมดำเนินคดีสิ้นสุด ณ วันที่ 11 มี.ค. 2563 สามารถจับกุมได้ 8 ราย แยกเป็น กรุงเทพมหานคร 2 ราย เป็นการล่อซื้อและจับกุมผู้ค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า ที่กระทำผิดในข้อหาขายเกินราคาควบคุมและข้อหาขายแพงเกินสมควร ซึ่งได้ดำเนินคดีไปแล้วทั้ง 2 ราย รวมถึงลาซาด้า และต่างจังหวัด 6 ราย ได้แก่ นครสวรรค์ 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 1 ราย เชียงใหม่ 1 ราย นครปฐม 1 ราย เป็นผู้ค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า และจังหวัดปทุมธานีอีก 2 ราย โดยทั้ง 6 ราย เป็นการกระทำผิดในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายหน้ากากอนามัย ข้อหาขายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุม และในจำนวนนี้เป็นการจับดำเนินคดีกับผู้ขายแอลกอฮอล์แพงเกินสมควร ซึ่งได้ดำเนินดคีไปแล้วทั้งหมด
สำหรับสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดรวมจนถึงวันที่ 11 มี.ค. 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ทั้งสิ้น 123 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 82 ราย และในต่างจังหวัด 41 ราย นอกจากได้จับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงฯ ยังได้ตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ล้างมือที่เป็นสินค้าควบคุมในข้อหาขายแพงเกินสมควรได้อีก 2 คดี ที่จังหวัดนครปฐม 1 คดี และจังหวัดปทุมธานี 1 คดี
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเข้มงวดตรวจสอบจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ ทั้งร้านค้าปกติและร้านค้าผ่านออนไลน์ ในพื้นที่รับผิดชอบออย่างเข้มงวดด้วย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทด้วย
“หากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิด โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์” นายบุณยฤทธิ์กล่าว