การตลาด - จับตา "เอชบีโอ" พลิกเกมสู้ศึกคอนเทนต์ครั้งใหม่ ในวันที่โลกแห่งการรับชมเปลี่ยนไป ผู้ชมมีตัวเลือกมากมาย โดยเฉพาะจริตคนไทย ยิ่งฟรี ยิ่งได้ยอดวิว งานนี้เอชบีโอยอมถอยเพื่อวิ่งเข้าหาทุกแพลตฟอร์ม คาดคนไทยได้ดูช่องเอชบีโอ 2-3 แพลตฟอร์มหลังหมดสัญญากับเอไอเอสกลางเดือน มี.คนี้ ล่าสุดซุ่มเจรจากลับบ้านหลังแรกที่ "ทรูวิชั่นส์" งานนี้มีเฮ อาจไม่จำเป็นต้องซื้อยกแพก แยกขายรายช่องก็ต้องลุย
"Content is King." ถือเป็นการตกผลึกอย่างแท้จริง ในสถานการณ์การแข่งขันของโลกแห่งความบันเทิง เพราะคอนเทนต์ที่ดีที่โดนใจผู้ชมจะเป็นใบเบิกทางอันนำมาซึ่งรายได้มหาศาล แต่แค่มีเพียงคอนเทนต์อย่างเดียวย่อมชนะในศึกนี้ได้ยาก โดยเฉพาะในยุคนี้ต้องสู้กันจนถึงแพลตฟอร์มการรับชมด้วย ยิ่งมีแพลตฟอร์มเข้าถึงผู้ชมมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้นเท่านั้น
ณ เวลานี้จึงไม่แปลกใจที่ "เอชบีโอ" จะปรับกลยุทธ์การขายลิขสิทธิ์ใหม่ โดยเฉพาะกับตลาดในประเทศไทย จากเดิมที่ยึดติดการขายเป็นแพกรวม 6 ช่องให้กับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเท่านั้น ครั้งนี้จะได้เห็นการแตกโมเดลการขายสู่หลายแพลตฟอร์มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยที่มีการแข่งขันสูง การเข้าถึงได้หลายแพลตฟอร์มย่อมได้เปรียบ ในสถานการณ์ที่ผู้ชมมีตัวเลือกมากมาย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคนไทยสามารถรับชมเอชบีโอได้เพียง 1 แพลตฟอร์มเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ทรูวิชั่นส์ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2559 ที่ทางบริษัท ทรูวิชันส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นขอถอดช่องเอชบีโอทั้งหมด 6 ช่องออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากเอชบีโอ เอเชีย ไม่ยินยอมต่อสัญญากับบริษัท ด้วยเหตุผลคือ ทรูวิชั่นส์ต้องการเพียงช่อง "เอชบีโอเอชดี" เพียงช่องเดียว แต่กลับกันทางเอชบีโอต้องการที่จะขายทั้งหมด 6 ช่อง ส่งผลให้เอไอเอสในนาม บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวอร์ค จำกัด หรือเอดับบลิวเอ็น บริษัทลูกของเอไอเอส ได้ลิขสิทธิ์ของเอชบีโอทั้งแพก รวมถึงช่อง HBO GO ด้วย ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยเอดับบลิวเอ็นได้เปิดให้ชมช่องเอชบีโอผ่านโทรทัศน์อินเทอร์เน็ต เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์ และผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เอไอเอส เพลย์ ที่ให้บริการโดย บริษัท ไมโม่เทค จำกัด จนล่าสุดในเดือน มี.ค นี้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด ได้ถอดช่องเอชบีโอทั้งหมด 6 ช่องเนื่องจากหมดสัญญากับเอชบีโอลง
ส่งผลให้ในปีนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นครั้งแรกของคนไทยจะสามารถรับชมคอนเทนต์จากเอชบีโอแบบถูกกฎหมายได้มากถึง 2-3 แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น 1. สตรีมมิ่ง/OTT 2. เพย์ทีวี และ 3. เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นการขายลิขสิทธิ์ผ่านโมเดลการขายที่หลากหลายมากขึ้น
สรุปง่ายๆ คือ มีทั้งการขายยกแพกแบบเดิม และยอมที่จะขายแยกช่อง ไม่ขายยกแพกอย่างที่ผ่านมา และแต่ละแพลตฟอร์มที่ได้ไปจะมีรายละเอียดของช่องรายการที่แตกต่างกัน
เริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง หรือวิดีโอออนไลน์นั้น จากการที่ปีนี้เอชบีโอจะหมดสัญญากับทาง AIS ลง ในวันที่ 12 มี.ค. 2563 เวลา 23.59 น. ที่จะถึงนี้ ล่าสุดทางเอชบีโอออกมาให้ข้อมูลแล้วว่าได้พันธมิตรรายใหม่แล้วเช่นกัน คือ 3BB โดยจะออกอากาศต่อหลังหมดสัญญากับทาง AIS ลง ทั้งนี้ เบื้องต้นช่อง HBO ที่จะออกอากาศกับทาง 3BB คือช่อง HBO GO เพียงช่องเดียว ซึ่งเป็นการบริการวิดีโอออนไลน์ที่ต้องซื้อแพกเกจเสริมเพิ่มเติม ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผน 3BB ที่ต้องการคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟให้เพิ่มมากขึ้น สู่เป้าหมายการมีฐานสมาชิกภายในไตรมาสสองนี้ให้ได้ 1.5 ล้านครัวเรือน ส่งผลให้ยังเหลือช่องเอชบีโออีก 5 ช่องที่ทางเอชบีโอกำลังพิจารณาหาพันธมิตรรายใหม่
** HBO กับการกลับมาสู่ทรูวิชั่นส์?**
หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ 5 ช่องของเอชบีโอมีลุ้นสูงมากที่จะกลับมาสู่บ้านหลังเดิม คือ "ทรูวิชั่นส์"
"ยอมรับว่าทางทรูวิชั่นส์เองกำลังอยู่ในช่วงการเจรจากับทางเอชบีโอ เอเชีย ถึงความเป็นไปได้ที่ช่องรายการของเอชบีโอจะกลับมาอยู่ที่ทรูวิชั่นส์อีกครั้ง ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้เบื้องต้นราคาลิขสิทธิ์ก็ยังสูงอยู่ ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่รูปแบบโมเดลการขายอาจจะแตกต่างจากเดิม ส่วนจะสรุปดีลครั้งนี้ได้เมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถตอบได้" แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์
อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ตามสถานการณ์แล้ว มีแนวโน้มสูงมากที่เอชบีโอจะกลับสู่อ้อมกอดทรูวิชั่นส์ เพราะหากยังตั้งราคาลิขสิทธิ์ที่สูงอยู่แบบนี้คงไม่มีผู้เล่นรายใดพร้อมซัปพอร์ตได้ดีเท่าทรูวิชั่นส์อีกแล้ว ขนาดเอไอเอสยังถอดใจไม่ต่อสัญญา หรือ 3BB ยังขอเลือกแค่ช่องเดียว มีเพียงทรูวิชั่นส์ที่ยังแข็งแกร่งในธุรกิจเพย์ทีวี รวมถึงมีฐานสมาชิกในปี 2562 กว่า 4 ล้านราย และมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นสิ่งการันตีว่าเอชบีโอจะดีลกับทางทรูวิชั่นส์อีกครั้ง
** จริงหรือหลอก เอชบีโอโผล่จีเอ็มเอ็มแซท?**
อย่างไรก็ตาม บนโลกอินเทอร์เน็ต ในวิกิพีเดีย ของทางเอชบีโอ เอเชีย และของทางจีเอ็มเอ็ม แซท ได้มีการอัปเดตล่าสุดช่วงปลายเดือน ก.พ ที่ผ่านมาว่า จากการที่เดือน มี.ค นี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หมดสัญญากับทางเอชบีโอ จึงจะถอดช่องเอชบีโอทั้งหมด 6 ช่องลงนั้น ล่าสุดทางเอชบีโอได้ขึ้นแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าสิทธิ์การถือครองช่องเอชบีโอในปัจจุบันตกเป็นของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด โดยคนไทยจะสามารถรับชมทั้ง 6 ช่องจากทางเอชบีโอได้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป ผ่านทาง "จีเอ็มเอ็ม แซท" ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1. ช่อง HBO Asia 2. ช่อง HBO Signature 3. ช่อง HBO Family 4. ช่อง HBO Hits 5. ช่อง Red By HBO และ 6. ช่อง Cinemax Asia โดยทางจีเอ็มเอ็มแซทยังมีการอัปเดตเพิ่มเติมด้วยว่า ยังมีช่องต่างประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ได้แก่ 1. ช่อง Warner TV 2. ช่อง Cartoon Network Asia 3. ช่อง Fight Sports 4. ช่อง NHK World Japan 5.ช่อง CNN 6. ช่อง Channel NewsAsia และ 7. ช่อง Nick JR Asia โดยจะออกอากาศพร้อมกันในวันที่ 5 ส.ค 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากเป็นเรื่องจริงจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดทางแกรมมี่จะหวนคืนเกมเพย์ทีวีอีกครั้ง จากปัจจุบันแกรมมี่ยังคงทำธุรกิจขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซทอยู่ โดยพบว่าในปี 2562 ที่ผ่านมากล่องจีเอ็มเอ็ม แซทมีผู้ใช้งานกว่า 6.7 ล้านครัวเรือน ซึ่งกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท มีช่องทีวีที่สามารถรับชมได้ราว 200-250 ช่อง ในรูปแบบดูฟรีทั้งหมดไม่เสียค่าบริการรายเดือน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแกรมมี่ถึงประเด็นที่เกิดขึ้น โดยทางสื่อสารองค์กรของแกรมมี่ได้ยืนยันแล้วว่าข้อมูลที่พบบนอินเทอร์เน็ตนั้นไม่เป็นความจริง อีกทั้งยังสอบถามไปยังผู้บริหารระดับบนแล้ว ยืนยันว่าแกรมมี่ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ช่องรายการจากเอชบีโอแน่นอน จากนั้นในวันเดียวกันได้เข้าไปทำการแก้ไขข้อมูลบนวิกิพีเดียทันที ต่อมาพบว่ามีผู้เข้าไปแก้ข้อมูลให้กลับมาเป็นอย่างเดิมก่อนหน้าอีกครั้งว่าจีเอ็มเอ็มแซทได้สิทธิ์จากเอชบีโอ
สุดท้ายเมื่อยังไม่ถึงที่สุดอะไรก็เกิดขึ้นได้ การขายลิขสิทธิ์ของเอชบีโอ จากที่ดูไม่มีอะไร อาจมีเซอร์ไพรส์ให้ได้ร้อง ว้าว! ก็เป็นได้ ในเมื่อโลกออนไลน์ยังปั่นข่าวขนาดนี้ สถานการณ์จริงจะยิ่งน่าจับตามองขนาดไหน!!?