xs
xsm
sm
md
lg

“คราฟต์ไฮนซ์” (Kraft Heinz) เดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บริษัท ไฮนซ์ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด (Heinz Thailand Limited) เจ้าของแบรนด์ “คราฟต์ไฮนซ์” (Kraft Heinz) แบรนด์อาหารระดับโลกกว่า 150 ปี เดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทผลิตอาหารชั้นเลิศเพื่อโลกใบนี้ที่ดีกว่า (The Best Food Company, Growing a Better World) โดยเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ที่เรียกว่าเอแพกเอ็กซ์ปอร์ตส (APAC Exports) ตั้งเป้าโตภายใน 5 ปี พร้อมนำผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่ทุกครัวเรือนในเอเชีย

มร.โจอาว เลเตา กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจเอแพกเอ็กซ์ปอร์ตส บริษัท ไฮนซ์ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด กล่าวว่า “เอแพกเอ็กซ์ปอร์ตสได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลธุรกิจการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์คราฟต์ไฮนซ์ และแบรนด์ในเครือ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอินเดีย ฮ่องกง ไต้หวัน อเมริกา และทวีปยุโรป ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์ระดับโลกที่มีประวัติและเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน อย่างไฮนซ์และคราฟต์ (Heinz & Kraft) ลีแอนด์เพอริน (Lea & Perrins) และแบรนด์ขายดีในตลาดเอเชียอย่าง เอบีซี (ABC) จากตลาดอินโดนีเซีย วัตตีส์ (Watties) และโกลเดนเซอร์เคิล (Golden Circle) จากตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมาสเตอร์ (Master) จากตลาดจีน

เรามองว่าตลาดอาหารมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรู้จักกันดีในฐานะ “ครัวของโลก” (Kitchen of the World) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นความท้าทาย เพราะตลาดเอเชียนั้นมีความหลากหลายอย่างมาก แต่ในฐานะแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร นี่คือโอกาสสำคัญที่จะมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงจากแบรนด์ระดับโลกให้แก่ทุกครัวเรือนในเอเชีย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรามีทั้งซอสจากตะวันตก อย่างซอสมะเขือเทศไฮนซ์ ซึ่งเป็นซอสมะเขือเทศยี่ห้อโปรดของผู้คนมากมายทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และซอสจากตะวันออกอย่างซอสหอยนางรมไฮนซ์ และซอสถั่วเหลืองเอบีซีอีกด้วย

ในภูมิภาคที่มีความหลากหลายอย่างเอเชีย ฮ่องกง ไทย และมาเลเซีย ถือเป็นตลาดสำคัญของคราฟต์ไฮนซ์ ในขณะที่อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ในประเทศไทยเอง คราฟต์ไฮนซ์มีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์โปรดในใจของคนไทยทุกคน ซึ่งซอสมะเขือเทศไฮนซ์ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการบุกตลาด ซึ่งซอสมะเขือเทศไฮนซ์เป็นซอสมะเขือเทศที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 19% และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี คราฟต์ไฮนซ์ได้เปิดตัว ซอยหอยนางรมไฮนซ์ในประเทศไทย และซอสเอบีซี กีแคป มานิส (ABC Kicap Manis) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งสองชนิดจากแบรนด์นั้นตรงกับแนวทางของแบรนด์ในการให้ความสำคัญต่อพฤติกรรมและความต้องการของตลาดและผู้บริโภคท้องถิ่น และเรื่องนวัตกรรมของแบรนด์อีกด้วย”

มร.เลเตากล่าวเสริม “ในฐานะองค์กร เราเชื่อว่า “คน” คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ที่นี่เรามีหลักการบริหารที่ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อธุรกิจและต่อคนในองค์กร โดยให้คุณค่ากับระบบ “คุณธรรมนิยม” (Meritocracy) ซึ่งมุ่งสนับสนุนคนตามความสามารถและทักษะ เพื่อให้คนในองค์กรได้นำความสามารถของตัวเองออกมาใช้อย่างสูงสุด เพื่อที่จะได้เติบโต มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และพาองค์กรและตัวเองไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น คราฟต์ไฮนซ์ยังเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายอย่างมาก เนื่องด้วยบุคลากรขององค์กรนั้นมีความต่างทางด้านเชื้อชาติและเพศ เราเชื่อและให้ความสำคัญต่อความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นด้วยการมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นหญิงมากกว่าชาย และมีถึง 5 เชื้อชาติ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ให้คนในองค์กรเคารพซึ่งกันและกัน สามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความแตกต่าง เราเชื่อว่าความหลากหลายทางเชื้อชาติคือส่วนผสมลับที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ” มร.เลเตากล่าวสรุป


กำลังโหลดความคิดเห็น