ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็นเอสแอล” ปรับกลยุทธ์ ดันบริษัทเข้าตลาดหุ้นขยายธุรกิจสร้างสมดุลรายได้ ลดเสี่ยงพึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นหลัก เทกโอเวอร์กิจการฟูดส์เซอร์วิส จ่อลุยสแน็กโปรตีนจิ้งหรีดทอด
นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแซนด์วิชและเบเกอรี เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยกลางปีนี้จะยื่นไฟลิ่ง มีเอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท จากขณะนี้มีทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท เพื่อนำเงินทุนมาขยายกิจการ
แผนหลักๆ เช่น การขยายสินค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นอาหารดีต่อสุขภาพ ที่เป็นสแน็ก เช่น สแน็กจิ้งหรีด ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาไปได้ 50% แล้ว จะเน้นตลาดส่งออก เช่น อเมริกา ซึ่งตลาดเติบโตมาเป็นระดับ 1,000% ต่อปี หรือการขยายตลาดกลุ่มอาหารที่เป็นวีแกนที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น รวมไปถึงสินค้าอาหารชุมชนโอทอป ที่มีศักยภาพ ด้วยการเข้าไปเจรจาเพื่อความร่วมมือกัน เช่น อาจจะเป็นผู้จัดจำหน่ายหรือทำตลาดให้ เป็นต้น
ล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วได้ไปซื้อกิจการ บริษัท ควอลิตี้ ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจด้านฟูดส์เซอร์วิส มีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี เป้าหมายปีนี้รายได้ 280 ล้านบาท โดยขายให้ร้านอาหารและโรงแรม เช่น ปลาแซลมอน ปลาหิมะ เนื้อออสเตรเลีย หอยเชลล์ เป็นต้น ทำให้ขยายพอร์ตโฟลิโอได้กว้างขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี
รวมทั้งได้ลงทุน 20 ล้านบาทในการสร้างคลังสินค้าใหม่ในพื้นที่เดิมที่บางบัวทองเพื่อรองรับการขยายตัว ซึ่งเดิมพื้นที่แห่งนี้จะทำเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 3 จากเดิมมี 2 โรงงานที่บางบัวทอง แต่ขณะนี้เหลือโรงที่ 2 ผลิตสินค้าบางตัว ส่วนโรงที่ 1 เดิมได้ปรับเป็นสำนักงานไม่มีการผลิตแล้ว โดยย้ายโรงงานไปที่อมตนะนคร ชลบุรี มี 2 โรงงานผลิต
ส่วนในแง่ของสินค้า ได้แตกไลน์ออกมาสร้างแบรนด์สินค้าตัวเอง เป็นสแน็ก เช่น แบรนด์ชิลี เป็นขนมพริกอบกรอบ และแบรนด์เนเชอรัลไบท์ เป็นขนมเพื่อสุขภาพมีโปรตีน มีส่งออกด้วย ทั้งนี้ รายได้จากการส่งออกรวม 20 กว่าล้านบาทในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ การขยายธุรกิจเพื่อเป็นการสร้างการเติบโตและสร้างความสมดุลให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาวด้วย เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้หลักมาจากการผลิตสินค้าแซนด์วิช เบเกอรีให้แก่เซเว่นอีเลฟเว่นแบบโออีเอ็ม โดยมีสัดส่วนรายได้มากถึง 90% ซึ่งมีสัญญาการทำธุรกิจร่วมกันนาน 10 ปี จะครบปี 2567 แล้วค่อยเจรจากันใหม่ ซึ่งจะมีสินค้าประเภทแซนด์วิช อาหารแช่เย็น ที่วางขายเฉลี่ย 50 รายการ เช่น แซนด์วิสแฮมชีส แซนด์วิชไส้กรอกชีส แซนด์วิชครัวซองต์หมูหยองน้ำสลัด เบอร์เกอร์หมูเบคอนชีส เค้กชอกโกแลตคลาสสิก เป็นต้น เป็นสินค้าท็อปไฟว์
โดยเป้าหมายระยะยาวภายใน 5 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2568 จะต้องมีรายได้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ที่มาจากช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่น 70% และที่ไม่ใช่เซเว่นอีเลฟเว่น 30% ขณะที่ปี 2563 นี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 3,800 ล้านบาท มาจากช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่นมากถึง 3,500 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 6% ที่ผ่านมา ส่วนปีที่แล้วมีรายได้รวม 3,300 ล้านบาท โต 7%