กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดสัมมนา “เข้าใจ Brexit พลิกสัมพันธ์การค้ากับยุโรป” เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มการค้าภายหลังสถานการณ์เบร็กซิต โอกาสและความท้าทายด้านการค้าและการลงทุนต่อไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย และสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council: TUBLC) กำหนดจัดสัมมนาเรื่อง “เข้าใจ Brexit พลิกสัมพันธ์การค้ากับยุโรป” ในวันจันทร์ที่ 9 มี.ค. 2563 ณ ห้องไทยจิตรลดา แกรนด์ บอลรูม โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มการค้าภายหลังสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) โอกาสและความท้าทายของเบร็กซิตต่อประเทศไทย โดยเฉพาะต่อภาคธุรกิจ รวมทั้งโอกาสและแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ ผลจากการที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 ในระหว่างนี้จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน (transition period) ที่ยูเคจะยังใช้กฎระเบียบทางการค้าของอียูต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 หลังจากนั้นยูเคจะออกอัตราภาษีและกฎระเบียบของตนเองเพื่อใช้กับประเทศคู่ค้ารวมทั้งไทย ซึ่งกรมฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการให้ข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยรับมือเบร็กซิต จึงได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตยูเคประจำประเทศไทย ขึ้นเวทีร่วมเสวนาให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเพื่อเตรียมความพร้อมการปรับตัวของไทย และขอเชิญผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาได้
ในปี 2563 เป็นปีที่ไทยและยูเคครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 165 ปี โดยยูเคเป็นคู่ค้าอันดับที่ 21 ของไทย ไทยและยูเคมีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2562 อยู่ที่ 6.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปยูเค 3.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า และไทยนำเข้าจากยูเค 2.42 พันล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวรจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลม และสุรา เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ สบู่ ผงซักฟอก และเครื่องสำอาง ขณะเดียวกัน ไทยและยูเคยังมีการลงทุนระหว่างกันในระดับสูง โดยยูเคมียอดเงินลงทุนสะสมในไทยจนถึงปี 2561 มูลค่า 8.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ไทยมียอดเงินลงทุนสะสมในยูเคมูลค่า 6.30 พันล้านเหรียญสหรัฐ