xs
xsm
sm
md
lg

เจาะยุทธศาสตร์ “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” เกมรุกขยายตลาดไทย ดันเครื่องปรับอากาศโต สู้ฝุ่น PM 2.5

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เเม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงขาลง กำลังซื้อลด เเต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น เเถมยังต้องเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้ผู้คนต้องควักเงินออกมา “ซื้อเเอร์” กันมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาด “เครื่องปรับอากาศ” ในไทยปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เเละมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6 % ทั้งในกลุ่มของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และกลุ่มที่พักอาศัย

พูดถึงเเบรนด์ใหญ่ที่ครองส่วนเเบ่งการตลาดเครื่องปรับอากาศอันดับ 1 ในไทยอย่าง "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค" ก็รับอานิสงส์นี้ไปเต็มๆ คาดว่าจะเติบโตสูงกว่าตลาด ด้วยยอดรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 15,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ในปีงบประมาณ 2562 (สิ้นสุด 31 มี.ค.2563) ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสทองที่จะ "รุกตลาด" ด้วยกลยุทธ์รอบด้าน ท่ามกลางการเเข่งขันสูง

ยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2563 เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 16,700 ล้านบาท หรือโตกว่า 8% เเม้ว่าสถานการณ์โลกปีนี้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เเต่ทางบริษัทพร้อมปรับตัวทุกสถานการณ์ ฝ่าฟันอุปสรรคเเละพลิกวิกฤตเป็นโอกาส มุ่งเน้นพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่เเก่ผู้บริโภค ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีเเละมีสุขภาพที่ดี

"บริษัทแม่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจในประเทศไทย ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของอาเซียนเเละเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพเเละมีเเนวโน้มเติบโตได้อีกมาก"

ยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด
ประกอบกับปีนี้ ทางมิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น ในญี่ปุ่น ครบรอบ 100 ปี จึงได้วางนโยบายสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั่วโลก รวมทั้งในไทยที่ดำเนินธุรกิจก้าวสู่ปี 48 เเล้ว ด้วยการยกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสู่แบรนด์ด้าน "เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต” ด้วยวิสัยทัศน์ "Changes for the Better" หรือ "การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า" พร้อมตั้งเป้าบรรลุยอดขายทั่วโลกไม่ต่ำกว่า "5 ล้านล้านเยน"

พร้อมกันนั้น บริษัทได้ให้ความสำคัญในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สานต่อกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย อีกทั้งยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน “SDGs หรือ Sustainable Development Goals” ขององค์การสหประชาชาติ ผ่านการสร้างสรรค์เเละพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ รวมถึงนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” ควบคู่กับความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่ง “Fast Cooling” รุกตลาด พร้อม PM 2.5 Filter สู้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก


เครื่องปรับอากาศภายในบ้านและปั๊มน้ำ เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงต้องต่อยอด ความฮิต ด้วยการส่งเครื่องปรับอากาศใหม่ที่เพิ่มฟังก์ชันพิเศษ “Fast Cooling” ลงสนามชิงตลาดเจ้าความเย็น เเถมเอาใจผู้บริโภคด้วยฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ที่ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนด้วยประจุไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น GR Series และเป็นอุปกรณ์เสริมในรุ่น JS Series, KS Series)

"เพื่อรองรับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในขณะนี้ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค จึงมุ่งเน้นนวัตกรรมประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอากาศสะอาด ตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งปีนี้จะมีสินค้าใหม่ 3 กลุ่มเรือธง ได้เเก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม"


ในยุคดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคเเละผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มองถึงเทรนด์ผู้บริโภคในไทยว่า ผู้คนให้ความสำคัญกับสิ่งเเวดล้อมมากขึ้น เเละยอมจ่ายเเพงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพเเละรักษ์โลก ทางบริษัทจึงต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวทันผู้บริโภคเเละวางขายในราคาที่เข้าถึงได้

ทั้งนี้ จากข้อมูลสำรวจแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ พบว่า ผู้บริโภคกว่า 50% ยังคงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เเละเป็นที่มาของผลประกอบการที่จะเติบโตตามเป้าที่วางไว้ที่ 15,500 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2562 นั่นเอง

ทุ่มงบยกระดับบริการ ซ่อมด่วนภายใน 24 ชั่วโมง

ด้าน "ประพนธ์ โพธิวรคุณ" กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า จากการพัฒนาช่องทางการติดต่อผ่าน "Hot Line 1325" ในปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ต่อยอดมาถึงปีนี้จึงวางเเผน ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าในด้านต่างๆ ดังนี้

• ขยายสาขาศูนย์บริการแต่งตั้งมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ครอบคลุมพื้นที่ใหม่ทั่วประเทศ
• ขยายสาขา "สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ” เพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ซึ่งปัจจุบัน เปิดให้บริการเเล้วในหัวเมืองใหญ่ๆ อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช
• ขยายเวลาการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและปัญหาการใช้งานผลิตภัณฑ์ผ่าน Hot Line 1325 โดยเปิดให้คำปรึกษาในเวลา 08.30 -19.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
• ซ่อมด่วนภายใน 24 ชั่วโมง กับบริการซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ประเภทด่วนพิเศษ “Express Team Service” หลังจากได้รับการแจ้งซ่อมจากลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยทีมช่างเทคนิคพร้อมอุปกรณ์และอะไหล่ที่ได้มาตรฐานจาก มิตซูบิชิ อีเล็คทริค
• พัฒนาระบบ Smart Service Tool ที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อตรวจเช็คอาการผิดปกติ ของเครื่องปรับอากาศ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ระบบอินเวอร์เตอร์โดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศ ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านเเอปพลิเคชั่นในมือถือ
• เสริมทักษะช่างไทย ด้วยการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 เพื่อพัฒนาความสามารถ ลดการสูญเสีย เกิดความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทั้งช่างในเครือข่ายของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เเละ ช่างอิสระทั่วประเทศ โดยจะเริ่มเปิดทดสอบตั้งเเต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป

ประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด
ตั้ง “สมาร์ทฮับ” เข้าถึงลูกค้า นำ BIG DATA สื่อสารออนไลน์

ด้านกลยุทธ์การตลาดของ "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค" ในปีนี้ก็น่าจับตามองไม่เเพ้กัน ด้วยการรุกตลาดเเบบ 360 องศาทั้งการเน้นตลาด B2C ขยาย B2B เพิ่มฐานลูกค้าด้วยการเปิดศูนย์กระจายสินค้าในภาคเหนือ รวมถึงการนำ BIG DATA มาวิเคราะห์เพื่อสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ โดยบริษัทเตรียมใช้งบราว 1,050 ล้านบาท สำหรับทำกิจกรรมการตลาดครบวงจร

"ทาคาชิ ฟูจิกิ" กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคใส่ใจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกันมากขึ้น ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนเเปลงในตลาดมากขึ้นด้วย

"ปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Business-to-Consumer หรือ B2C ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และ พัดลม เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ส่วนธุรกิจในแบบ Business-to-Business หรือ B2B นั้นจะมุ่งเน้นการขยายไปยังหัวเมืองใหญ่เเละจังหวัดที่มีการเติบโตของระบบสาธารณูปโภค"

ทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด
เเละอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการขยายฐานลูกค้า คือ การเปิดศูนย์กระจายสินค้า “Mitsubishi Electric Smart Hub” จังหวัดลำปาง ด้วยพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร พัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ ครอบคลุมการให้บริการ 12 จังหวัดในเขตภาคเหนือ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้มีแผนที่จะขยายสมาร์ทฮับดังกล่าวไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้

"เราจะบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าผู้แทนจำหน่าย โมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต โครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และยกระดับการบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ”

สำหรับการสื่อสารทางการตลาดในปีนี้ บริษัทได้นำ BIG DATA มาวิเคราะห์ และประยุกต์ใช้กับ Digital Marketing มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพิ่มความเข้มข้นและเข้าถึงสื่อออนไลน์ รวมถึงสร้างการรับรู้แบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่าน "Sport Marketing" ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

โดยแคมเปญในปีนี้ ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 2 เรื่อง บอกเล่าเรื่องราวโดย โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 6 ตัวแทนผู้ใช้จริง ผ่านแนวคิด “ชัดเลยว่าดี การันตีเลยว่าใช่ เชื่อในสิ่งที่ใช่”

นอกจากนี้ยังได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย


สินค้าใหม่บุกหน้าร้อน เจาะไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

ด้วยกลยุทธ์ที่จะเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้มากที่สุด ปีนี้ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค จึงส่งสินค้าเรือธงอย่าง “เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม” มาบุกหน้าร้อน มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง ตามมาดูกัน


เริ่มต้นกับสินค้าในกลุ่ม เครื่องปรับอากาศ อินเวอร์เตอร์ ที่มาใหม่ในปีนี้คือ รุ่น JS Series สนองความต้องการของลูกค้าที่อยาก “เย็นเร็วทันใจ” ด้วยระบบ Fast Cooling เทคโนโลยีเพื่อความเย็นเร็วภายในปุ่มเดียว พร้อมด้วยรีโมทคอนโทรล ที่สามารถแสดง Error Code ช่วยตรวจสอบอาการผิดปกติของเครื่องปรับอากาศได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง เเละมีเทคโนโลยี Dual Barrier Coating ลดการเกาะติดของฝุ่นด้วย

อีกหนึ่งรุ่นใหม่ที่เหมาะสำหรับคนมีงบจำกัด คือ KS Series (Happy Inverter) เพราะมาในราคาจับต้องได้ ด้วยขนาดหลากหลายตั้งเเต่ 9,000-24,000 BTU มีระบบ Fast Cooling เช่นกัน

ขณะที่รุ่น GR Serie มาพร้อมกับ ฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ที่ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนด้วยประจุไฟฟ้าได้ถึง 99 % มอบอากาศสะอาดทุกลมหายใจ ส่วนในรุ่น JS Series, KS Series ตัวฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 นี้จะมาเป็นอุปกรณ์เสริม

ด้าน เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่นใหม่ ใช้สารทำความเย็น R32 พร้อมเพิ่มขนาดใหม่ 13,000 BTU ในรุ่น PLY, PCY และ PEY Series พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูง

ด้านสินค้า “กลุ่มตู้เย็น” ที่จะลงชิงตลาดในปีนี้ เอาใจคน “ของเยอะ” เเละไม่ต้องกังวลกับการละลายน้ำเเข็งอีกต่อไป

ใครชอบความเรียบหรูดูดี ต้องจัดตัวนี้เลยกับ ตู้เย็นขนาด 3 ประตู รุ่นใหม่ Smart Freeze Glass Edition ระบบ Neuro Inverter สวยหรูด้วยบานกระจกนิรภัยออกแบบพิเศษ พร้อมเทคโนโลยี Supercool Chilling เก็บรักษาความสดของอาหารโดยไม่เป็นน้ำแข็ง สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมปรุงอาหารได้ทันทีเเบบ “ไม่ต้องรอละลาย” รวมถึงมี Vitamin Factory เทคโนโลยีแสงสีส้มในช่องแช่ผักช่วยรักษาความสดของผักและผลไม้ ด้านบริการหลังการขายจะมีรับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 2 ปีและรับประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 10 ปี

ส่วนใครที่มีพื้นที่น้อยเเต่อยากใส่ของเยอะๆ ตู้เย็นขนาด 2 ประตู รุ่น FC Series ก็ตอบโจทย์ไม่น้อย เพราะมีขนาดความจุที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ Capsule Door Pocket ที่ออกแบบพิเศษเพื่อให้เก็บของได้ เเถมประหยัดพลังงานด้วยระบบ Neuro Inverter

ไม่ต้องห่วงเรื่องละลายน้ำเเข็งอีกต่อไปกับ ตู้เย็น 1 ประตู รุ่น J Smart Defrost สะดวกสบายเพราะมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมการทำงานด้านนอกตัวเครื่อง กดง่ายใช้สะดวก


อากาศร้อนๆ เเบบนี้ “พัดลม” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเมืองไทย ปีนี้มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ชูจุดเด่นด้านการ “เพิ่มความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม” ด้วย “ปลั๊ก 3 ขาใหม่” ที่มีสายดินป้องกันไฟดูดหากเกิดไฟรั่ว พร้อมกล่องเหล็กครอบสวิตซ์ ป้องกันการลุกลามไฟ ทั้งใน รุ่นตั้งโต๊ะ รุ่นตั้งพื้นกึ่งตั้งโต๊ะ และรุ่นตั้งพื้น ทั้งนี้ มอเตอร์ระบบปิดลิขสิทธิ์เฉพาะมิตซูบิชิ อีเล็คทริค พร้อมรับประกันมอเตอร์นาน 5 ปี

นอกจากนี้ยังมี “พัดลมระบายอากาศ แบบต่อท่อฝังฝ้า รุ่น VD” หน้ากากดีไซน์ใหม่เป็นทรงกลม สะท้อนความเรียบหรู พร้อมเทคโนโลยีลดฝุ่นเกาะด้วยนวัตกรรมเคลือบสารพิเศษ Dual Barrier Coating ลดการเกาะติดของฝุ่นบริเวณใบพัด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศ พร้อมยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

ตามมาด้วย “พัดลมระบายอากาศรุ่นติดกระจก V-15EG6T” พัฒนาความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยคลิปล็อคตัวเครื่อง ที่ให้การยึดเกาะแข็งแรงมากขึ้น ป้องกันการร่วงหล่นกรณีกระจกแตก และ Easy Click ถอดล้างทำความสะอาดง่ายเพียงคลิกเดียว


นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 อย่าง "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ลอสไน" (LOSSNAY) ระบบระบายอากาศชนิดแลกเปลี่ยนความร้อน รุ่นใหม่ VL-100 Series สำหรับที่พักอาศัย ช่วยถ่ายเทอากาศเก่า ที่ปนเปื้อนภายในห้อง อย่าง CO2 หรือไอระเหยจากเฟอร์นิเจอร์อย่าง VOC ออกไปทิ้ง และเติมอากาศใหม่ที่ทำการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิจากร้อนให้กลายเป็นเย็นแล้ว เข้ามาทดแทนในเวลาเดียวกัน ช่วยให้อากาศภายในห้องหมุนเวียนและสร้างสมดุลของอากาศภายในห้อง หมดปัญหาฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาตามขอบประตูหน้าต่าง ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้น พร้อมฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ มีให้เลือกตามความเหมาะสมของสถานที่ ทั้งแบบติดผนังและแบบติดเพดาน

นี่คือกลยุทธ์เเละนวัตกรรมใหม่ของ “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา” ที่จะรุกตลาดไทยอย่างรอบด้านในปี 2563 นี้

(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)



กำลังโหลดความคิดเห็น