การตลาด - “คริสตัล-สิงห์” เปิดศึกสมรภูมิรบตลาดรวมน้ำดื่ม 3.8 หมื่นล้านบาท ต่างฝ่ายต่างเกทับ อ้างเป็นผู้นำตลาด พร้อมยึดแชร์มากกว่า งานนี้ใครกันแน่ขึ้นแท่นผู้นำ
ตลาดน้ำดื่มหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าน้ำเปล่าเป็นตลาดที่ใหญ่และน่าสนใจไม่น้อยด้วยมูลค่าตลาดรวมมากถึง 38,700 ล้านบาท หรือหากมองในเชิงปริมาณก็จะมีถึง 3,600 ล้านลิตร ยังคงแข่งขันกันอย่างรุนแรงไม่แพ้ตลาดรวมเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด
ตลาดน้ำดื่มในไทยนี้มีหลายแบรนด์ใหญ่ที่กรำศึกกันอยู่ในสนามรบ ทั้งแบรนด์ไทยและอินเตอร์แบรนด์ที่ผลิตในนี้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่มสิงห์ คริสตัล เนสท์เล่ น้ำดื่มสยาม น้ำดื่มช้าง อะควาฟิน่า เป็นต้น
ทว่า มีเพียง 2 แบรนด์หลักเท่านั้น คือ น้ำสิงห์ กับคริสตัลที่ห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วงถึงพริกถึงขิงชนิดที่ว่า ใครเผลอเป็นไม่ได้ถูกแย่งแชร์ และตำแหน่งในตลาดก็มักจะสลับกันไปมาชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว
สองแบรนด์นี้มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งในแง่ของการขยายช่องทางจำหน่ายและการขยายตลาด การออกแคมเปญ การจัดโปรโมชัน การใช้พรีเซ็นเตอร์ในการขับเคลื่อนสินค้าและยอดขาย การทำตลาดด้านออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคม
*** “คริสตัล” โชว์เหนือยึดแชมป์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านคริสตัลออกมาประกาศว่า คริสตัลคือผู้นำตลาดน้ำดื่มอย่างชัดเจนรายเดียวในไทย
ทั้งนี้ นางสาวปรางณี ไชยพิเดช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มคริสตัล กล่าวยืนยันว่า น้ำดื่มคริสตัลเป็นผู้นำตลาดรวมน้ำดื่มในไทยต่อเนื่องมา 2-3ปีแล้ว ล่าสุดปี 2562 ทั้งปีก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดเป็นผู้นำมากถึง 19.1%
ด้วยยอดขายรวมทั้งปี 2562 ของน้ำดื่มคริสตัลที่ 7,500 ล้านบาท หากมองเฉพาะธันวาคม 2562 เดือนเดียวก็มีแชร์มากถึง 20.4% ส่วนมกราคม 2563 นั้นยังไม่มีตัวเลขออกมา โดยยืนยันว่าเป็นตัวเลขของทางนีลเส็นมีเดียในงวดล่าสุด ทุกพื้นที่ ทุกช่องทาง และทุกตลาด แต่ยอมรับว่าในภาคใต้กับภาคเหนือยังไม่ได้เป็นผู้นำตลาดแต่ก็แข่งกับอีกหลายแบรนด์ท้องถิ่น
“ทุกตลาดทุกพื้นที่มีคู่แข่งที่น่ากลัวแตกต่างกันไป แต่ทุกตลาดทุกพื้นที่กล่าวได้ว่าคริสตัลคือแบรนด์คีย์ไดรเวอร์ (Key Driver) ที่ขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับตลาดรวมได้ทั้งสิ้น” นางสาวปรางณีกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเป็นผู้นำด้วยแชร์เพียงไม่ถึง 20% และไม่ได้ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 มากมายเท่าใดนัก คริสตัลคงไม่อาจจะอยู่นิ่งเฉยได้ แต่พร้อมที่จะรุกหนักด้วยเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมปีนี้ขึ้นไปอีกให้มากกว่า 20% ขณะที่คาดว่าตลาดรวมน้ำดื่มปีนี้คงจะเติบโต 10%
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือกับภาคใต้ที่ต้องเร่งเครื่องมากขึ้น ทั้งการเพิ่มช่องทางโฮลเซล การเพิ่มพันธมิตรช่องทางการจำหน่าย และการขยายช่องทางเทรดิชันนัลเทรดให้มากขึ้นด้วย ขณะที่ช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้นเติบโตและแข็งแกร่งอยู่แล้ว หน่วยรถของเสริมสุขยังคงเป็นหัวใจหลักที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งมีมากกว่า 1,000 คันทั่วประเทศ ตรงนี้จะยังคงเป็นอาวุธสำคัญในการเจาะตลาดของคริสตัล โดยที่ทุกวันนี้ช่องทางหลักของคริสตัลคือ การขายผ่านร้านอาหารและเทรดิชันนัลเทรดมากถึง 50%
รวมทั้งการขยายตลาดในแพกเกจจิ้งขนาดบรรจุ 600 มิลลิลิตรให้มากขึ้น เพราะขนาดบรรจุนี้ถือเป็นตลาดหลักที่มีสัดส่วนมากถึง 60-70% ของตลาดรวมเลยทีเดียว
คริสตัลมีความพร้อมด้านกำลังการผลิตน้ำดื่มที่รองรับได้ไปถึงปี 2564 ด้วยโรงงานผลิตรวมของพันธมิตรที่มีมากถึง 15 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งล่าสุดเมื่อปีที่แล้วได้เปิดอีก 2 แห่ง คือที่จังหวัดลำปาง และจังหวัดอุบลราชธานี
ล่าสุดคริสตัลเปิดเกมรบตั้งแต่ต้นปี ที่ยังคงนำ “นาย ณภัทร” มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ต่อเนื่องอีกเป็นปีที่ 5 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา ที่สามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างดี
คริสตัลใช้งบ 50 ล้านบาทกับการเปิดตัวแคมเปญใหม่ “Crystal Moment ช่วงเวลาคุณภาพ น้ำดื่มต้องคุณภาพ” ตอกย้ำแนวคิดเดิมของ Crystal CARE ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสนับสนุนการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งยังคงตอบโจทย์เรื่องคุณภาพ แต่เชื่อมโยงเข้ากับการใช้ชีวิตควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ให้มากขึ้น เพราะการเลือกน้ำดื่มคือการเลือกคุณภาพ เป็นคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่งที่คุณเลือกได้ พร้อมกันนี้ ยังตอบโจทย์คุณภาพชีวิตในด้านอื่นๆ ผ่านแนวคิด Crystal CARE ที่แสดงถึงความห่วงใยและใส่ใจในทุกกิจกรรมการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะธุรกิจจะยั่งยืนได้ สังคมและสิ่งแวดล้อมต้องยั่งยืนด้วย”
รวมทั้งครั้งแรกในการสร้างสรรค์ฉลากบรรจุภัณฑ์ลิมิเต็ด อีดิชัน 3 แบบ เพื่อสร้างสีสันในช่วงซัมเมอร์ ออกแบบลวดลายโดยศิลปิน 2 เจเนอเรชัน “ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ และหลานชาย จิระ จิรประวัติ ณ อยุธยา ศิลปินและนักออกแบบเจ้าของชิ้นงานศิลปะสไตล์ป็อปอาร์ตสุดสร้างสรรค์ เพื่อสื่อถึงช่วงเวลาคุณภาพในชีวิตประจำวันของทุกผู้คน ที่ไม่ว่าจะอยู่ในโมเมนต์หรือความรู้สึกและสถานการณ์ใด น้ำดื่มคุณภาพคริสตัลก็พร้อมเติมเต็มและอยู่เคียงข้างเสมอ
“คริสตัลยังส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบและส่งเสริมให้มีการจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ผ่านกิจกรรม “คริสตัลรีฟันด์ความสุข” ด้วยการจับมือกับศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ติดตั้งเครื่อง RVM (Reverse Funding Machine) ชวนคนรุ่นใหม่นำขวดเปล่าน้ำดื่มคริสตัลมาสะสมเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษภายในศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนของคริสตัลตามแนวคิด “Crystal CARE” ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ใส่ใจในทุกขั้นตอนและทุกกระบวนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบ การผลิต การนำส่งถึงมือผู้บริโภค รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับแนวคิด “Crystal CARE” ประกอบด้วย
1. Consumers, Customers and Community “ผู้บริโภค ลูกค้า ชุมชน” คือบุคคลสำคัญ คริสตัลใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของชุมชนที่เข้าไปดำเนินงาน ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพที่สดใหม่ ผ่านเครือข่ายการจัดส่งและจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถส่งน้ำดื่มคริสตัลตอบโจทย์ทุกความต้องการ
2. Authenticity “ความเชื่อถือได้ของแบรนด์” เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพสูง โดยได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเทคโนโลยีการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน NSF จากสหรัฐอเมริกา การเป็นสถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างปลอดภัยที่มีคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จากองค์การอาหารและยา มากถึง 6 ครั้ง ตอกย้ำว่าน้ำดื่มคริสตัลเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในฐานะแบรนด์น้ำดื่มคุณภาพตัวจริงที่คนไทยทั่วประเทศไว้วางใจ
3. Responsibility “ความรับผิดชอบต่อสังคม” การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสนับสนุนให้ผู้บริโภคตระหนักใส่ใจในการบริโภค ด้วยการนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ โดยมีขวดแก้วที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค การรณรงค์ให้บริโภคบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วที่สามารถหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในร้านอาหารและที่พักอาศัย ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดขยะบรรจุภัณฑ์ และสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้บริโภคเรื่องกระบวนการแยกขยะและการนำขวดพลาสติกกลับมาเข้ากระบวนการแปรรูป รวมทั้งกิจกรรม Upcycling นำร่องด้วยการนำเส้นใยพลาสติกรีไซเคิลมาผลิตเป็นเสื้อพนักงาน เพื่อพัฒนาไปสู่โครงการอื่นต่อไป
4. Environment “สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ” คริสตัลได้มุ่งเน้นในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และการจัดการทรัพยากรในกระบวนการผลิต ทำให้ได้รับฉลากลดโลกร้อนหรือคาร์บอนฟุตพรินต์ แสดงถึงความใส่ใจต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน และเป็นแบรนด์น้ำดื่มรายแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Water Footprint Certificate จากการประเมินการใช้น้ำตลอดวัฏจักรชีวิต สะท้อนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
*** “สิงห์” ยันผู้นำตลาด
อีกมุมหนึ่งของสมรภูมิรบน้ำดื่ม ที่มิอาจจะดูแคลนไปได้อย่างค่ายน้ำดื่มสิงห์ ที่ต้องจับตามองให้ดีถึงเกมรบปี 2563 นี้
ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปีที่แล้ว (2562) น้ำดื่มสิงห์ออกมาประกาศว่า สิงห์คือผู้นำตลาดรวมน้ำดื่มด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากถึง 22.1% และยังมีการเติบโตของยอดขายมากถึง 23.3%
พร้อมกับยกข้อมูลในตลาดรวมน้ำดื่มด้วยว่า สภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-พ.ค. 2562) ทั้งประเภทขวดพีอีทีและประเภทขวดแก้ว เชิงปริมาณมี 1,505 ล้านลิตร เติบโต 15.7% เชิงมูลค่าประมาณ 16,400 ล้านบาท ส่วนคู่แข่งคือ คริสตัล มีส่วนแบ่ง 18.1% และเนสท์เล่ 16% และน้ำดื่ม House Brand 9.7%
สาเหตุหลักที่ทำให้น้ำดื่มสิงห์เติบโตดีในช่วงนั้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญ "ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง" ที่เน้นเรื่องคุณภาพสินค้าผ่านเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ Smart Micro Filter โดยได้ "ณเดชน์ คูกิมิยะ" นักแสดงชื่อดังของเมืองไทย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยเลือก "ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง" และตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์น้ำดื่มที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ซึ่งถือเป็นกุญแจความสำเร็จสร้างการเติบโตด้านยอดขายให้กับน้ำดื่มสิงห์เป็นอย่างมากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562
แต่นี่คือตัวเลขในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2562 ที่สิงห์นำมาใช้อ้างอิงเพื่อบอกถึงสถานภาพของตัวเอง และย้ำว่าข้อมูลนี้มาจาก นีลเส็นมีเดีย เช่นกัน
นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเมื่อกลางเดือนมกราคม 2563 ไว้ว่า ตลาดรวมน้ำดื่มเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่ามีการเติบโตที่ดีถึง 10% มีมูลค่าตลาดประมาณ 38,700 ล้านบาท หรือมีในเชิงปริมาณรวมกว่า 3,600 ล้านลิตร ส่วนปี 2563 นี้คาดว่าตลาดรวมจะเติบโตจากเดิมอีก โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดโตต่อเนื่องคือ ปัญหาภัยแล้งที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเริ่มทำให้เห็นว่ามีการเติบโตที่ดีมากกว่าช่วงปกติ การทำตลาดจากผู้ประกอบการทั้งหลาย
ขณะที่ภาพรวมตลาดและผลการดำเนินงานของน้ำดื่มสิงห์ รวมทั้งส่วนแบ่งการตลาดที่ชัดเจนของสิงห์เมื่อสิ้นปีที่แล้ว ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาจากค่ายสิงห์แต่อย่างใด
ขณะที่สิงห์เคยประกาศเมื่อกลางปีที่แล้วว่าจะต้องเพิ่มมาร์เกตแชร์ให้ได้เป็น 23-24% ภายในสิ้นปี 2562
แต่นายธิติพรย้ำว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมน้ำดื่มสิงห์ปี 2563 นี้ไว้ว่าจะต้องเติบโตอีก 14% หรือมีปริมาณจำหน่ายน้ำดื่มกว่า 1,400 ล้านลิตร ซี่งแบ่งสัดส่วนมาจากขวดแก้วกว่า 180 ล้านลิตร เพิ่มจากปีที่แล้วที่ขายได้ 1,225 ล้านลิตร เป็นขวดแก้ว 150 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าสิงห์พยายามที่จะตอกย้ำและโชว์ความเหนือในส่วนที่เป็นบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วตลอด โดยปัจจุบันน้ำดื่มสิงห์บรรจุภัณฑ์ขวดแก้วมีสัดส่วนการขาย 12% และขวด PET 88% และเฉพาะในเซกเมนต์ขวดแก้ว สิงห์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 48.2% ขณะที่ตลาดรวมน้ำดื่มเป็นขวดแก้วเพียง 14% ทั้งนี้ สิงห์ต้องการผลักดันยอดขายกลุ่มขวดแก้วให้เพิ่มเป็น 20% ภายใน 1-2 ปีนี้
ที่สำคัญ เมื่อปีที่แล้วสิงห์ประเมินว่าปี 2563 นี้จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากถึง 25% ให้ได้
จึงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ปีนี้น้ำดื่มสิงห์รุกหนัก เอาจริง และเต็มที่
ถึงขั้นที่มีแผนจะลงทุนอีกกว่า 300 ล้านบาทเพิ่มไลน์ผลิตน้ำดื่มที่โรงงานวังน้อยอีก 1 ไลน์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำดื่ม 250 ล้านลิตรต่อปี จากเดิมที่มีกำลังผลิตขณะนี้ที่ 1,500 ล้านลิตรต่อปี ส่งผลให้มีกำลังผลิตรวมเป็น 1,750 ล้านลิตรต่อปีในปีนี้
“แนวโน้มตลาดน้ำดื่มปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนช่วงหน้าร้อนนี้คาดว่าตลาดจะโตถึง 20-30% เพราะสภาพอากาศที่ร้อนมากกว่าปีก่อน ซึ่งช่วง 90 วันฤดูร้อนปี 2562 ไฮซีซันของตลาดน้ำดื่ม ตลาดเติบโตสูงถึง 30%” นายธิติพรกล่าว
น้ำดื่มสิงห์เปิดตัวความเคลื่อนไหวก่อนใครเพื่อนในตลาดรวมเมื่อต้นปี 2563 นี้ ด้วยการจัดแคมเปญ "เกี่ยวช่วยโลก" ชวนให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำสิงห์ในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนการลดขยะภายใต้กรอบ 3R ได้แก่ Reuse การนำขวดแก้วกลับมาใช้ซ้ำ ผ่านกระบวนการที่ทันสมัย Reduce ลดการใช้พลาสติก ลดสร้างขยะ Recyele นำขวดแก้วที่ใช้มาระยะหนึ่งแล้วนำมาทำลายเพื่อผลิตขวดแก้วใหม่ เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ใหม่ 100%
ขณะเดียวกัน ปีนี้จะขับเคลื่อนการทำตลาดในกลุ่มน้ำดื่มสิงห์ ภายใต้แคมเปญ "เกี่ยวช่วยโลก" ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ในขวดแก้ว ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ซึ่งน้ำดื่มสิงห์ขวดแก้วปัจจุบันลูกค้าที่ใช้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรธุรกิจ ภัตตาคาร ร้านอาหารต่างๆ เราจึงต้องทำแคมเปญกระตุ้นให้ลูกค้ากลุ่มนี้ใช้น้ำดื่มขวดแก้วมากขึ้น ขยายจำนวนร้านค้าพันธมิตรให้กว้างขวางออกไปเรื่อยๆ
นายธิติพรกล่าวว่า การทำแคมเปญนี้เราเริ่มต้นจับมือกับพันธมิตรที่เป็นร้านอาหารต่างๆ เพื่อสร้างอิมแพกต์ให้เกิดขึ้นในวงกว้างอย่างรวดร็ว ซึ่งเริ่มที่ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ด้วยการทำปลอกบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วพร้อมข้อความขวดแก้วที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้มากขึ้นในวงกว้าง และวางแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นอีกกว่า 10 แบรนด์
ส่วนผู้บริโภคต้องการสร้างการรับรู้และเพิ่มทางเลือก หากต้องการบริโภคขวดแก้วสามารถติดต่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1245 กด 8 หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน พร้อมส่งถึงบ้าน ครั้งแรกต้องสั่ง 7 ลังขึ้นไป ครั้งต่อไปขั้นต่ำ 5 ลังขึ้นไป
ทั้งนี้ ปัญหาขยะเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของโลกและประเทศไทย เพราะการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณขยะเพิ่มตามไปด้วย ในปี 2561 ประเทศไทยมีปริมาณขยะจำนวน 27.93 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตัน
น้ำดื่มสิงห์หวังว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาขยะนี้
การห้ำหั่นอย่างหนักหน่วงของ คริสตัล กับ สิงห์ จึงกลายเป็นสมรภูมิน้ำเปล่าใสๆ ที่ตลาดกลับมองไม่ชัดเรื่องแชร์ที่แท้จริง