“ศักดิ์สยาม” เผย กทพ.-BEM ยื่นถอนฟ้องครบ 17 คดีแล้ว รอศาลมีคำสั่งจึงจะสมบูรณ์ ด้าน “สุรงค์” ลุ้น ทัน 29 ก.พ. หากไม่ทัน ตั้งแต่ 1 มี.ค.จะยึดรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมดใส่บัญชีพิเศษไว้ก่อน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า ได้มีการยื่นเรื่องถอนฟ้องคดีพิพาทระหว่าง กทพ. กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ไปแล้ว 16 คดี โดยอีก 1 คดีคาดว่าอัยการสูงสุดลงนามในวันนี้ (27 ก.พ.) ซึ่งทั้ง 17 คดีจะรอศาลมีคำสั่ง จึงจะทำให้การถอนคดีมีผลสมบูรณ์
ทั้งนี้ กทพ.และ BEM ได้มีการลงนามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข) ไปเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 เพื่อยุติข้อพิพาททั้ง 17 คดีที่มีมูลค่าที่ 58,873 ล้านบาท โดยมีการต่อขยายสัญญาโครงการทางด่วนเป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน โดยจะทำให้สัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน A, B, C) ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C บวก) สิ้นสุดพร้อมกันในวันที่ 31 ตุลาคม 2578 โดยสัญญาจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อทั้ง กทพ.และ BEM ต้องดำเนินการถอนฟ้องคดีที่มีต่อกันทั้ง 17 คดีให้เรียบร้อยก่อน
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. กล่าวว่า สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 จะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ. 2563 ซึ่งหากการถอนคดีทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ กทพ.และ BEM ได้มีการหารือร่วมกันถึงวิธีการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2563 โดยจะดึงเงินรายได้ค่าผ่านทางฝากไว้ในบัญชีพิเศษที่เปิดขึ้นเฉพาะ และคืนเมื่อสัญญามีผลบังคับใช้สมบูรณ์ภายหลัง ทั้งนี้ ได้มีการปรึกษาอัยการสูงสุดถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และเพื่อให้การบริหารกิจการทางด่วนไม่มีรอยต่อ และไม่กระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ