xs
xsm
sm
md
lg

“บีไอจี” รุกขยายธุรกิจนวัตกรรมลดใช้พลังงาน-รีไซเคิลน้ำทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บางกอก อินดัสเทรียล แก๊ส ขยายฐานสู่ธุรกิจเทคโนโลยีด้านบริการจัดการพลังงานและรีไซเคิลน้ำทิ้งให้กลับมาใช้ใหม่ เพื่อช่วยโรงงานอุตสาหกรรมแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนภาคตะวันออก พร้อมทั้งเป้าหมายรายได้เติบโตปีละ 10% ตลอด 5 ปีนี้

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก อินดัสเทรียล แก๊ส จำกัด หรือบีไอจี ในฐานะผู้ให้บริการก๊าซอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ขยายสู่ธุรกิจใหม่ด้านเทคโนโลยีการบริหารจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนค่าพลังงาน (Energy Optimization) และโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้นวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมบำบัดน้ำทิ้งในโรงงาน (Waste Water Management) เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ภายหลังจากภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงทำให้การใช้ก๊าซอุตสาหกรรมไม่ขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเทคโนโลยีนำก๊าซออกซิเจนเข้ามาใช้ในการหลอมและขึ้นรูปที่ต้องใช้ความร้อนทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ช่วยประหยัดการใช้พลังงานลง 10% และลดการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 รวมทั้งมีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้ก๊าซออกซิเจนมาบำบัดน้ำทิ้งในโรงงานให้กลับมาใช้ใหม่ในระบบได้ 20% โดยมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 80 บาท/ลูกบาศก์เมตร ต่ำกว่าต้นทุนการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด (Reverse Osmosis) อยู่ที่ 100 บาท/ลูกบาศก์เมตร ขณะที่ราคาน้ำดิบจากการนิคมฯ ขายอยู่ 20 บาท/ลูกบาศก์เมตร เพื่อแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนในภาคตะวันออก

ขณะนี้บริษัทฯ ได้เจรจากลุ่มลูกค้าเดิมโดยเฉพาะโรงงานปิโตรเคมีในกลุ่ม ปตท. และเครือซิเมนต์ไทย รวมทั้งกลุ่มอินโดรามาในนิคมฯ มาบตาพุด จังหวัดระยอง เนื่องจากโรงงานปิโตรเคมีการใช้น้ำอุตสาหกรรมมาก ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทดลอง คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือน มิ.ย.-พ.ค.นี้ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ปัญหาน้ำขาดแคลนในภาคตะวันออก


ส่วนความคืบหน้าโครงการร่วมทุนมาบตาพุด แอร์โปรดักส์ (MAP) เพื่อสร้างโรงแยกอากาศที่ใช้พลังงานความเย็นการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อผลิตก๊าซอุตสาหกรรม ได้แก่ ไนโตรเจน ออกซิเจน และอาร์กอน ประมาณ 4.5 แสนตัน/ปี ตั้งอยู่ในนิคมฯ มาบตาพุด จ.ระยอง ใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 2564 เพื่อรองรับความต้องการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมสนับสนุนกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐในโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC)

ทั้งนี้ บีไอจีตั้งเป้าหมายรายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (2563-2567) เติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% จากปี 2562 มีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท ดังนั้น ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 600 ล้านบาทเพิ่มเป็น 6,600 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น