“ศักดิ์สยาม” ถกกองทัพอากาศ เตรียมชง กบร.เคาะแก้กฎหมาย ออกข้อบังคับอนุญาตให้นักบินของกองทัพอากาศสามารถทำการบินพาณิชย์ได้ โดยนับชั่วโมงบินราชการ หวังเพิ่มนักบิน และขีดความสามารถการแข่งขัน อุตฯ การบินของไทย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับกองทัพอากาศ (ทอ.) เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินการให้นักบินราชการได้รับใบอนุญาตนักบินของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ว่า กองทัพอากาศมีความต้องการที่จะพัฒนาบุคลากรให้นักบินของกองทัพอากาศสามารถทำการบินเครื่องบินพาณิชย์ได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาทางอากาศ โดยจะต้องมีการแก้ไขระเบียบของสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) หรือ CAAT ในการออกข้อบังคับว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ประจำหน้าที่ และให้เป็นไปตามกฎระเบียบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
ทั้งนี้ เนื่องจากการได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์นั้น กพท.กำหนดชั่วโมงการบินที่ 150 ชม. จากสถาบันการบินที่ กพท.ให้การรับรอง ซึ่งตามกฎของ ICAO ได้มีการกำหนดว่าสามารถฝึกจากสถาบันอื่นได้ ซึ่งกองทัพอากาศมีสถาบันฝึกการบิน ดังนั้น ได้มอบหมายให้ กพท.หารือร่วมกับกองทัพอากาศเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพื่อแก้ไขข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 89 ว่าด้วยคุณสมบัติผู้ประจำหน้าที่ ตามข้อ 3(4) (ง)
จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่มีข้อติดขัดเกี่ยวกับระเบียบกฎหมาย ICAO ซึ่งคาดว่าจะสรุปและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ที่มี รมว.คมนาคมเป็นประธานได้วันที่ 3 มี.ค.นี้ หรืออย่างช้าในเดือน เม.ย. เพื่อดำเนินการยกร่างข้อบังคับ กพท.เพิ่มเติมในการยอมรับในคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้ประจำหน้าที่อากาศยานราชการ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาสทางด้านอุตสาหกรรมการบิน
“ขณะนี้ทางกองทัพอากาศได้ทำข้อมูลและลำดับขั้นตอน ซึ่ง กพท.ได้ตรวจสอบแล้ว ก็ให้ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมให้รอบคอบว่าจะต้องมีการเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ ICAO และ กพท.มาดำเนินการออกข้อบังคับเพิ่มเติม หากผ่านการพิจารณาของ กบร.แล้วจะสามารถดำเนินการได้ เพราะนักบินของกองทัพอากาศมีความสามารถสูงอยู่แล้ว เพียงแต่เครื่องบินกองทัพอาจจะมีฟังก์ชันต่างจากเครื่องบินพาณิชย์ ดังนั้นจะต้องทำให้เป็นไปตามระเบียบ ICAO ให้ครบถ้วนเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยจะต้องฝึกบุคลากรทางการบินให้มากขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งพื้นที่อีอีซี การพัฒนาบุคลากรเตรียมไว้เพื่อไม่ให้เสียโอกาสของประเทศ”