“พาณิชย์” เผยเดือน ต.ค. 61-ต.ค. 62 สมาชิก WTO ใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้น 27% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 55 ครอบคลุมมูลค่าการค้า 7.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ รวมใช้มากถึง 102 มาตรการ มีทั้งขึ้นภาษี ห้ามนำเข้า เก็บค่าธรรมเนียม แต่ใช้เอดี/ซีวีดี/เซฟการ์ดปกป้องการค้ามากสุด สหรัฐฯ แชมป์ใช้เอดี ตามด้วยอินเดีย จีน ส่วนประเทศถูกใช้เอดีมากสุด มีทั้งจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ญี่ปุ่น และไทย คาดส่งผลทำการค้าโลกป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ WTO ได้เผยแพร่รายงานติดตามสภาวะการค้า (Trade Monitoring Report) โดยระบุว่า การค้าโลกทวีความตึงเครียดมากขึ้น เพราะในรอบ 1 ปี หรือตั้งแต่เดือน ต.ค. 2561-ต.ค. 2562 สมาชิก WTO ได้ใช้มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างกันมากขึ้นถึง 102 มาตรการ ครอบคลุมมูลค่าการค้าราว 750,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 และเพิ่มขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 588,300 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าระหว่างประเทศ และฉุดเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดการณ์ว่าปี 2563 การค้าโลกจะขยายตัวเพียง 2.7% จากเดิมคาดขยายตัว 3%
สำหรับมาตรการที่นำมาใช้ พบว่าด้านการนำเข้ามีการใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรมากที่สุด ตามด้วยการห้ามนำเข้า การใช้พิธีการศุลกากรที่เข้มงวด และการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ส่วนด้านการส่งออก ส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บภาษีสินค้าส่งออก การกำหนดเงื่อนไขและใบอนุญาตส่งออก การจำกัดปริมาณ เป็นต้น สินค้าที่ถูกกีดกันทางการค้ามากที่สุด ได้แก่ แร่และเชื้อเพลิง เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และโลหะมีค่า เป็นต้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ WTO ได้เริ่มจัดทำรายงานดังกล่าวเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน พบว่าการนำเข้าของโลกสัดส่วน 7.5% ของการนำเข้าของโลกทั้งหมด ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการนำเข้า ส่วน ณ สิ้นปี 2561 การนำเข้าสินค้าได้รับผลบกระทบจากการใช้มาตรการต่างๆ คิดเป็นมูลค่ามากถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าการนำเข้าของโลกที่ 19.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากนับถึงเดือน ต.ค. 2562 มูลค่าผลกระทบจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนมาตรการที่สมาชิกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้า มีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) มากสุด โดยในรอบ 1 ปีสมาชิกเปิดการไต่สวนเฉลี่ย 23 ครั้งต่อเดือน ครอบคลุมการค้ามูลค่า 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีการยุติการไต่สวนและยกเลิกใช้มาตรการเอดีเฉลี่ย 16 ครั้งต่อเดือน ครอบคลุมการค้ามูลค่า 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสมาชิกที่ใช้มาตรการเอดีมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐฯ อินเดีย และจีน สินค้าที่ถูกไต่สวนเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ โลหะ เคมีภัณฑ์ และพลาสติก ส่วนสมาชิกที่ถูกใช้มาตรการเอดี มากที่สุด คือ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ญี่ปุ่น และไทย
นอกจากนี้ ยังใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (ซีวีดี) โดยสหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรป (อียู) ใช้มาตรการดังกล่าวมากที่สุด สินค้าที่ถูกเปิดไต่สวนส่วนใหญ่ ได้แก่ โลหะ แก้ว หิน เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์แร่ และผัก สมาชิกที่ถูกไต่สวนมากที่สุดยังคงเป็นจีน รองลงมา ได้แก่ อินเดีย และตุรกี ในส่วนของมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) มาดากัสการ์เป็นประเทศที่ใช้มากที่สุด สินค้าที่ถูกไต่สวน ได้แก่ โลหะ หิน ปูนปลาสเตอร์ สิ่งทอ อาหาร และเครื่องจักร
ขณะเดียวกัน สมาชิกใช้มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าเพิ่มขึ้น 120 มาตรการ เช่น การลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าและส่งออก และการผ่อนปรนพิธีการศุลกากรให้ยืดหยุ่นขึ้น เป็นต้น ครอบคลุมการค้ามูลค่า 540,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าที่ได้รับการอำนวยความสะดวกทางการค้ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ทองแดง และยานยนต์