รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ขับเคลื่อนนโยบายดีเซลบี 10 ทุกมิติอย่างครบวงจรเพื่อให้ราคาปาล์มมีเสถียรภาพระยะยาว ยืนยันจะผลักดันให้ราคาปาล์มไม่ให้ต่ำไปกว่า 5-7 บาทต่อกิโลกรัมหลังล่าสุดทะลุ 7 บาทต่อกก.สูงเป็นประวัติการณ์
วันนี้ (29 ม.ค.63) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ มอบนโยบายพลังงานชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเข้าร่วมปาฐกถาพิเศษ “B10 สร้างสมดุลปาล์มน้ำมันสู่ความยั่งยืน” โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้การต้อนรับ
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มได้ปรับตัวสูงขึ้นมาสู่ระดับ 7 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)จากราคาเดิมที่เฉลี่ยอยู่ที่เพียงระดับเพียง 3 บาทต่อกก.เท่านั้นซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลมุ่งเข้ามาแก้ไขเพื่อสร้างรายได้ให้กับภาคการเกษตรของไทยผ่านความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งการส่งเสริมการนำน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)ไปผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ราคาปาล์มตกต่ำ และกระทรวงพลังงานได้ผลักดันให้ดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานและยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลให้ครบวงจรเพื่อผลักดันให้ราคาปาล์มไม่ให้อยู่ในระดับที่ต่ำไปกว่า 5-7 บาทต่อกก.
" ราคาปาล์มที่สูงขึ้นจะสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์มเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อเดือน จากช่วงปลายปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ4,5000ล้านบาทต่อเดือน จึงขอให้พี่น้องชาวสวนปาล์มเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้ โดยผมได้มอบหมายคณะทำงานคอยติดตามสถานการณ์ในด้านผลผลิต และด้านความต้องการใช้ รวมทั้งปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อให้ระดับราคาปาล์มมีเสถีรยภาพและต่อเนื่อง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานของดีเซลจะเป็นนโยบายถาวร เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำซึ่งขณะนี้โรงกลั่นน้ำมัน ได้เร่งสั่งซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100%(บี100) เพื่อเตรียมพร้อมนำมาผลิตดีเซลบี10 ที่กำหนดให้มีจำหน่ายทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประทเศตั้งแต่ 1 มี.ค.63 จนทำให้ราคาปาล์มปรับตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ยังมีมาตรการดูแลการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) จากต่างประเทศ หลังจากราคาCPO ของไทยดีขึ้น เกือบแตะ 30 บาทต่อกก.ซึ่งสูงกว่าต่างประเทศมากโดยร่วมมือกับบมจ.ปตท.และนักวิชาการใช้เทคโนโลยีมาช่วยตรวจจับที่โรงสกัด และหลังจากนั้นก็จะมีมาตรการต่อเนื่องอีกเพื่อแก้ไขได้ครบทั้งวงจรที่จะทำให้เกิดเสถียรภาพราคาแบบยั่งยืน ขณะเดียวกันจะร่วมมือ กับกระทรวงพาณิชย์บริหารจัดการผลผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซลไม่ให้กระทบการใช้เพื่อบริโภคในประเทศ รวมถึงเสนอแนวคิดขึ้นทะเบียนเกษตรกร เพื่อควบคุมพื้นที่ปลูก ผลผลิตต่อไร่ให้มีคุณภาพ ซึ่งการรับซื้อปาล์มต่อไปจะรับซื้อจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนก่อนโดยอาจประกาศรับซื้อปาล์มล่วงหน้า 3 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง