“สนธิรัตน์” เดินหน้าพลิกประวัติศาสตร์ปาล์มหลังดันราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากนโยบายบี 10 ทำให้เกิดลักลอบนำเข้า CPO คลอด 2 มาตรการโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุ่มตรวจ CPO ที่จะผลิตบี 100 เพื่อให้รู้ถึงแหล่งที่มาว่าผลิตในไทยหรือลักลอบนำเข้า คาดจะดำเนินการได้ไตรมาส 2 พร้อมติดตั้ง ATG ในถังบี 100 ให้ครบ 76 ภายใน ต.ค.นี้ หลังนำร่องไปแล้ว 42 ถัง แย้มเล็งคลอดแผนเพิ่มเติมดูแลขั้นที่ 3 อีก 2 เดือนข้างหน้าเกษตรกรปาล์มเตรียมยิ้มรับ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมให้มีการจำหน่ายดีเซลบี 10 (ดีเซลผสมปาล์มบริสุทธิ์ 100% หรือบี 100 จำนวน 10%) เป็นน้ำมันพื้นฐานส่งผลให้ราคาปาล์มเฉลี่ย ม.ค.เคลื่อนไหวระดับ 8 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) 38.20 บาทต่อ กก. และบี 100 อยู่ที่ 39.74 บาทต่อลิตร ถือเป็นระดับราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์จนทำให้เกิดการลักลอบนำเข้า CPO จากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้ออกมาตการป้องกันการลักลอบด้วยการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของ CPO ที่จะบ่งชี้ว่าเป็น CPO จากไทยหรือไม่ที่จะนำไปผลิตเป็นบี 100 คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้ครั้งแรกกับพืชเกษตรของไทย
“เรากำหนดให้ทุกปั๊มน้ำมันจะต้องจำหน่ายดีเซลบี 10 ภายใน 1 มี.ค.นี้ ดังนั้น น้ำมันทุกหยดที่จะนำมาจำหน่ายดีเซลบี 10 บี 7 และบี 20 ก็จะต้องดูแลให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าว โดยเครื่องมือนี้เป็นเทคโนโลยีที่ต่างประเทศใช้กันอยู่แล้วเหมือนเป็นการใช้เคมีวิเคราะห์โครงสร้าง DNA ที่จะบ่งชี้แหล่งที่มาของ CPO ซึ่งกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะมีการเร่งซื้อเครื่องมือที่จะเป็นแล็บเคลื่อนที่ดังกล่าวเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งราคาจะอยู่ที่เครื่องละประมาณ 3-5 ล้านบาท หากพบว่าเป็นการนำเข้าก็จะปฏิเสธการรับซื้อและส่งให้หน่วยงานที่ดูแลดำเนินการตามกฏหมายต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวจะสุ่มตรวจ CPO ที่โรงงานผลิตไบโอดีเซล หรือบี 100 ทั้ง 13 บริษัท ขณะเดียวกัน กรมกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะดำเนินการนำระบบติดตั้งมิเตอร์ (Automatic Tank Gauge : ATG) เพื่อวัดปริมาณสต๊อกบี 100 ทุกถังที่ขณะนี้มีจำนวน 76 ถัง ซึ่งจะเป็นการติดตามปริมาณสต๊อกบี 100 แบบตลอดเวลา (Real Time) ให้ครบทั้งหมด 76 ถัง ภายในตุลาคม 63 จากปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้ว 42 ถัง ที่เหลือ 34 ถังจะต้องเร่งติดให้ครบซึ่ง ธพ.จะมีการเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยคาดว่าจะใช้งบเพียงหลักระดับ 10 ล้านบาทเท่านั้นซึ่งไม่มีปัญหาอะไร
“เมื่อมีการติดตั้ง ATG แล้วก็จะเป็นการรายงานถึงสต๊อกบี 100 ที่ชัดเจนเพราะจะมีการส่งข้อมูลออนไลน์มาเชื่อมโยงเข้ามายังส่วนกลางที่ ธพ.จะได้ติดตามตลอดเวลาซึ่ง 2 มาตรการนี้จะทำให้สามารถดูแลปาล์มได้ครบทุกมิติที่ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่ได้ดำเนินการ แต่กระทรวงพลังงานยังมีมาตรการที่จะตามมาในขั้นที่ 3 เพิ่มเติมภายในอีก 2 เดือนข้างหน้าที่จะเข้ามาดูแลยกระดับราคาปาล์มที่เป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจหลักของไทยให้ดียิ่งขึ้นและครบทุกวงจร” นายสนธิรัตน์กล่าว
ปัจจุบันไทยมีสต๊อกบี 100 อยู่ที่ 120 ล้านลิตร ในขณะที่มียอดใช้บี 100 รวม 5 ล้านลิตรต่อวัน และเมื่อทุกปั๊ม จำหน่ายบี 10 เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.นี้ ก็จะทำให้ยอดใช้บี 100 เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 7 ล้านลิตรต่อวัน โดยกระทรวงมีเป้าหมายในการมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้สามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของไทยในปัจจุบัน หรือคิดเป็น 2.2 ล้านตันต่อปี เพื่อดูแลระดับราคาปาล์มสดไม่ให้ต่ำกว่า 4 บาทต่อ กก. เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
