xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ” เข้มสั่งเช็ก 6,104 โรงงานทั่วประเทศ เสี่ยงปล่อยฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นำทัพผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมตรวจสอบสถานการณ์การปล่อยฝุ่น PM 2.5 ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงงานที่มีความเสี่ยงในการปล่อยฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงงานที่มีการใช้พลังงานจากหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนซึ่งมีกว่า 1.3 หมื่นเครื่องทั่วประเทศ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่ตรวจโรงงานในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ว่าได้สั่งการให้หน่วยงานสังกัดของกระทรวงอุตสาหกรรมจับมือกับผู้ประกอบการในการเร่งตรวจสอบและหามาตรการในการลดปัญหามลพิษ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอย่างยั่งยืน ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งออกมาตรการและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการเชิงพื้นที่การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบ เครื่องมือ และกลไกการบริหารจัดการของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ในส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการตรวจสอบ และติดตามสถานการณ์โรงงานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สามารถก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 จำนวน 6,104 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นโรงงานที่มีการังงานในหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและอุปกรณ์การเผาไหม้อื่นๆ ซึ่งมีจำนวนอุปกรณ์เหล่านั้นรวมกันกว่า 13,629 เครื่องทั่วประเทศ แบ่งเป็น โรงงานภาคกลาง 3,338 แห่ง, ภาคเหนือ 286 แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 513 แห่ง, ภาคตะวันออก 1,148 แห่ง, ภาคตะวันตก 324 แห่ง และภาคใต้ 495 แห่ง ส่วนใหญ่ฝุ่นละออง PM 2.5 จะเกิดจากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานในหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและอุปกรณ์การเผาไหม้อื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม, โรงสีข้าว, ผลิตภัณฑ์อาหารจากแป้ง, การฟอกย้อม, การเกษตรแปรรูป, เคมีภัณฑ์, การแปรรูปไม้, สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น

“โรงงานอุตสาหกรรมกลุ่มเสี่ยงที่ใช้พลังงานในหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และอุปกรณ์การเผาไหม้อื่นๆ จำนวน 13,629 เครื่อง ส่วนใหญ่จะใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันเตา, น้ำมันดีเซล, น้ำมันก๊าด, ก๊าซธรรมชาติ, แอลพีจี, ชีวมวล และถ่านหิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ก็ได้มีการจัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สำหรับหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำเพื่อดูแลอยู่แล้วและจะขยายโรงงานให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่ เกิดจากยานพาหนะถึง 52% ขณะที่โรงงานมีเพียง 3-5% แต่กระทรวงอุตสาหกรรมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะเข้าไปดูแลจึงได้สั่งการให้ทุกส่วนเร่งติดตามใกล้ชิด” นายสุริยะกล่าว

โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงาน 2 แห่ง ที่มีหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ประกอบด้วยบริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรี่ จำกัด ตั้งอยู่ที่ถนนเทพารักษ์ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบกิจการผลิตเครื่องสำอาง น้ำหอมปรับอากาศ และเครื่องเสริมความงามอื่นๆ ซึ่งกระบวนการผลิตบริษัทได้เปลี่ยนระบบหม้อต้ม (Boiler) จากการใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดแอลพีจี ซึ่งมีประสิทธิภาพการเผาไหม้สูง ถือเป็นอีกหนึ่งโรงงานต้นแบบที่ประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

จากนั้นได้เดินทางไปยังบริษัท แปซิฟิค เวิลด์ อัลลอย จำกัด อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งประกอบกิจการหลอมหล่ออะลูมิเนียม เช่น วัตถุดิบเศษชิ้นส่วนยานยนต์ อดีตเคยมีเรื่องร้องเรียนกลิ่น ฝุ่น ควัน แต่ปัจจุบันปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดโดยสร้างใหม่แทนชุดเดิมทั้งหมด ถือเป็นความตั้งใจที่ดีในการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐที่ร่วมคณะในการตรวจสอบโรงงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายยงยุทธ สุวรรณบุตร นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ และร้อยเอก ดร.จองชัย วงศ์ทรายทอง โดยมีแผนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปขยายผลโดยจะกำชับผู้ประกอบการโรงงานในเขตพื้นที่ของตนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น