“พาณิชย์” ถกสมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทยและสมาคมเภสัชกรรม ขอความร่วมมือจัดส่งราคายาที่จำหน่าย ก่อนนำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์และทำเป็นคิวอาร์โค้ดให้ตรวจสอบ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนเปรียบเทียบราคายาและเลือกซื้อยาราคาถูก รองรับการกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชนเขียนใบสั่งยาให้ไปซื้อร้านข้างนอกได้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับสมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทย สมาคมเภสัชกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ร้านขายยาส่งราคาขายจำหน่ายยามายังกรมฯ เพื่อที่กรมฯ จะได้นำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ www.dit.go.th และจัดทำเป็นคิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ เหมือนกับที่ได้ทำกับโรงพยาบาลเอกชนที่ให้นำส่งราคาซื้อขายยาและนำมาจัดทำเป็นคิวอาร์โค้ดให้ตรวจสอบก่อนหน้านี้
“ประชาชนไม่เพียงแต่จะตรวจสอบราคาขายยาของโรงพยาบาลเอกชนว่าขายราคาเท่าไร แต่ยังสามารถตรวจสอบราคาของร้านขายยาได้ด้วย จะทำให้รู้ว่าควรจะซื้อยาจากที่ไหน ถ้าโรงพยาบาลเอกชนถูกกว่าก็ซื้อที่โรงพยาบาลเอกชน แต่ถ้าที่ร้านขายยาถูกกว่าก็มาซื้อที่ร้านขายยา และยังเป็นการทำให้สอดรับกับการกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชนเขียนใบสั่งยา และให้ผู้ป่วยไปซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอกได้”
นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือให้ร้านขายยานำคิวอาร์โค้ดที่ใช้ตรวจสอบราคายาของโรงพยาบาลเอกชนไปติดไว้ที่ร้าน และต่อไปจะต้องมีคิวอาร์โค้ดที่จะใช้ตรวจสอบราคายาของร้านขายยาเพิ่มเข้าไปด้วย
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ มีแนวคิดที่จะมีการเผยแพร่รายชื่อร้านขายยาที่ได้มาตรฐานทางเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้ประชาชนนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลมาซื้อยาได้เอง ตามรายชื่อร้านยาที่ได้มาตรฐาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลเอกชนมักอ้างว่าร้านขายยาที่มีมาตรฐานมีน้อย จ่ายยาได้ไม่เหมือนโรงพยาบาล โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขอข้อมูลจากสมาคมเภสัชกรรม แต่เท่าที่ได้ข้อมูลจนถึงขณะนี้มีร้านขายยาจำนวนมากที่มีมาตรฐานจีพีพี หรือมาตรฐานตามหลักวิธีปฏิบัติทางเภสัชชุมชน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศว่าในใบสั่งยาที่โรงพยาบาลเอกชนออกมาให้ประชาชนไปซื้อยาได้เองนั้นจะต้องประกอบด้วยชื่อสามัญทางยา ชื่อทางการค้า รูปแบบยา ขนาด หรือปริมาณ จำนวน วิธีใช้ ระยะเวลาในการใช้ และใบแจ้งราคายาต้องประกอบด้วยชื่อยาตามใบสั่งยาและราคาต่อหน่วย หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
