บีโอไอเตรียมจัดสัมมนาใหญ่สำหรับบริษัทเกาหลีที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยกว่า 200 รายวันที่ 22 ม.ค.นี้ เน้นนำเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีชุดใหม่และชี้โอกาสขยายการลงทุน พร้อมอัปเดตความคืบหน้าอีอีซีและกฎระเบียบภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านแรงงานและศุลกากร
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันที่ 22 มกราคม 2563 บีโอไอร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KOTRA) และหอการค้าเกาหลี-ไทย (KTCC) จะจัดสัมมนาการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการเกาหลีในประเทศไทย ณ โรงแรมเคป ดารา รีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อนำเสนอโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ และสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากบอร์ดบีโอไอเมื่อปลายปี 2562 คาดว่าจะมีผู้บริหารจากบริษัทเกาหลีที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก และสมาชิกหอการค้าเกาหลีเข้าร่วมกว่า 200 ราย
ทั้งนี้ ในงาน บีโอไอพร้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กรมศุลกากร กรมการจัดหางาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำเสนอความคืบหน้าล่าสุดของโครงการอีอีซี และกฎระเบียบภาครัฐที่ผู้ประกอบการเกาหลีควรทราบ เช่น กฎระเบียบและการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของต่างชาติผ่านระบบ Single Window กฎหมายแรงงาน พิธีการศุลกากรในการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ และการส่งออกสินค้า เป็นต้น รวมทั้งเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเฉพาะราย
“สัมมนาครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมใหญ่ต่อเนื่องจากการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน และคณะนักธุรกิจเกาหลีกว่า 100 บริษัท เมื่อเดือนกันยายน 2562 และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะเยือนเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งบีโอไอหวังว่าการจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความรู้ ความเข้าใจในกฎระเบียบและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่จะช่วยตอกย้ำให้นักลงทุนเกาหลี เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพและตัดสินใจขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีอย่างต่อเนื่อง” นายนฤตม์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2558-2562 มีโครงการลงทุนจากเกาหลีใต้ยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 140 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 19,840 ล้านบาท โดยร้อยละ 77 เป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซี 3 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ แปรรูปอาหาร และดิจิทัล