ผู้จัดการรายวัน 360 - ช่อง 3 ปักธงสู่ความเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ผ่านกลยุทธ์ดิจิทัล ล่าสุดจับมือ Tencent และ WeTV ลุยขายคอนเทนต์ต่างประเทศจับตลาดจีน และเพิ่มฐานผู้ชมในไทย พร้อมยกเครื่องแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมดจับมัดรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แอปพลิเคชัน CH3+ เปิดให้บริการ ก.พ.นี้ มั่นใจปีนี้รายได้ออนไลน์ต้องเกิน 10% ของรายได้รวมช่อง 3
นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของทางช่อง 3 ในปี 2563 นี้คือ กลยุทธ์ดิจิทัล ซึ่งปีนี้เริ่มใช้กลยุทธ์นี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.เป็นต้นไป ล่าสุดได้ร่วมมือกับทาง Tencent และ WeTV ถือเป็นการขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในจีน และฐานผู้ชมในไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น
สำหรับช่อง 3 ได้เริ่มทำตลาดจีนมา 2 ปี กับละครจีนทำมา 8 เรื่องแล้วในรูปแบบขายลิขสิทธิ์ จากนี้จะต้องโปรโมตละคร ดารามากขึ้น ซึ่งความร่วมมือกับทาง Tencent ครั้งนี้ ช่อง 3 จะนำละคร 3 เรื่องเพื่อไปออกอากาศในประเทศจีน และออกอากาศในอีก 4 ประเทศในเอเชีย
นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมการทำงานในปี 2563 นี้ โดยละครช่อง 3 จะเริ่มออกอากาศทาง WeTV Thailand ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
ปัจจุบัน Tencent Video ถือเป็นผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนที่มีฐานผู้ชมกว่า 550 ล้านคนต่อเดือน และมีสมาชิกกว่า 100 ล้านคน ส่วนละครเรื่องแรกของช่อง 3 ที่ออกอากาศบน Tencent Video แบบคู่ขนานกับประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือเรื่อง ลิขิตรัก และประสบความสำเร็จสูงมาก ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 280 ล้านครั้ง จนขึ้นเป็นท็อป 5 ของคอนเทนต์ละครไทยที่มีคนดูมากสุดบน Tencent Video
ขณะที่ทาง WeTV ในประเทศไทยนั้นได้เปิดตัวในไทยมา 1 ปี นำเสนอซีรีส์คุณภาพระดับโลกจากเทนเซ็นต์ เพนกวิน พิคเจอร์ รวมกว่า 200 เรื่อง ทำให้ WeTV ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งชั้นนำของไทย ซึ่งความร่วมมือกับทางช่อง 3 ครั้งนี้จะได้รับสิทธิ์ในการออกอากาศละครแบบคู่ขนาน และรีรันละครแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เชื่อว่าจะทำให้ขยายฐานผู้ชมได้เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีการดูละครไทยผ่าน WeTV เพิ่มขึ้น 4 เท่า
นายวรุตม์ ลีเรืองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซีไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า การจับมือกับ Tencent และ WeTV นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ช่อง 3 ที่ต้องการเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ ขยายคอนเทนต์ไปแพลตฟอร์มอื่นๆ ให้มากขึ้น โดยชูฐานผู้ชมเป็นหลัก คนดูอยู่ที่ไหนเราต้องอยู่ที่นั่น
จากปัจจุบันช่อง 3 มีแพลตฟอร์มรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ตัวหลัก คือ 1. CH3Thailand ทั้งแบบเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน โดยช่องทางนี้จะเน้นการรับชมแบบสด หรือออกอากาศพร้อมกันกับช่องทางทีวี และ 2. แอปพลิเคชัน Mello ในรูปแบบรีรัน เร็วสุด 2 ชม. หลังออกอากาศสดทางทีวี ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 3 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม OTT ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงฐานผู้ชมจากออนไลน์ไปสู่ทีวี และทีวีกลับมาสู่ออนไลน์ ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีการรวมทุกแพลตฟอร์มการรับชมคอนเทนต์ของช่อง 3 ให้อยู่ภายใต้แอปพลิเคชันเดียว คือ CH3+ (ซีเอช 3 พลัส) ดูสด และย้อนหลังภายในแอปฯ เดียว จะเริ่มให้บริการในเดือน ก.พ.นี้ ส่วน CH3Thailand และ Mello จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่สมาชิกที่ติดตามทั้ง 2 แอปฯ จะถูกโยกมาอยู่ในแอปพลิเคชัน CH3+โดยอัตโนมัติ หรือระยะแรกคาดว่าจะมีฐานผู้ชมรวมกว่า 8 ล้านราย/เดือน ตั้งเป้าว่าปีนี้รายได้ออนไลน์จะต้องทำได้มากกว่า 10% ของรายได้รวมช่อง 3 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 5%