ผู้จัดการรายวัน 360 - ช่อง 3 กางแผนฟื้นชีพ ฝ่าวิกฤติทีวีดิสรัปชัน จ่อผุดธุรกิจใหม่หวังกระจายความเสี่ยง เพื่อการเติบโตอย่างยั่นยืน ลดพึ่งพาเม็ดเงินโฆษณา ตั้งเป้า 4 ปีจากนี้โตต่อเนื่อง 10% ทุกปี และกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2563 นี้
นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2563 จะอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ที่วางไว้ คือ การเป็นผู้นำทางด้านคอนเทนต์ และธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย ด้วยการไม่มองตัวเองเป็นเพียงแค่ธุรกิจทีวี แต่หัวใจคือเป็นธุรกิจคอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ชิงเวลาผู้บริโภคได้ดีที่สุด ภายใต้พันธกิจที่วางไว้ คือ การปรับเปลี่ยน BEC World ให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีความคิดไปข้างหน้า
โดยยกระดับดีเอ็นเอความคิดสร้างสรรค์ของช่อง 3 เพื่อส่งมอบความสดใหม่ ด้านคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับผู้ชมในปัจจุบัน และใช้เทคโนโลยีกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพผ่านทุกช่องทางหน้าจอทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยระบบผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ทรานส์ฟอร์มความเป็นสื่อตอบโจทย์แบรนด์สินค้า และเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพ
แผนการดำเนินงานในปี 2563 จะอยู่ภายใต้ 6 ส่วน คือ 1. นิวมีเดีย ในลักษณะ D2C ไดเรกต์สู่คอนซูเมอร์โดยตรง ทำงานร่วมกับแบรนด์ ปรับสื่อเดิมให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของการเพิ่มทราฟฟิกการรับชม และเพิ่มยอดขายให้ลูกค้า เป็นต้น 2. โกอินเตอร์ เน้นจีน และอินโดไชน่า ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีก่อน 3. ดิจิทัล กับ “3+” แพลตฟอร์มออนไลน์ในการรับชมคอนเทนต์ช่อง3 ทั้งหมดในที่เดียว ซึ่งตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 2 เท่า จากปีก่อนยอดวิวโตขึ้น 35% แต่รายได้ทรงตัว
4. นิวคอนเทนต์ จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่จะนำเสนอในปีนี้มากขึ้น โดยเฉพาะ3ช่วงเวลาหลัก คือ 18.00-19.00 น, 19.00-20.00 น. และหลัง 20.20-22.00 น. ไว้ว่าจะเป็นคอนเทนต์ละครที่นำเสนอในรูปแบบใหม่ เดินเรื่องเร็ว กระชับ ห้ามพลาดในการติดตาม หรือรายการใหม่ๆ ที่จะลงในช่วง 6 โมงเย็น 5. อาร์ตทิส เพิ่มพื้นที่ให้ศิลปินที่มีอยู่กว่า 200 คน ทั้งบนหน้าจอและออนไลน์ ผ่านรายการใหม่ๆ ในรูปแบบทาเลนต์ดีเวลลอปเมนต์ และ 6. ดาต้า ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าใจผู้บริโภค
นายอริยะกล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะเห็นว่าแผนการทำงานตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป จะอยู่ภายใต้ 2 จุดประสงค์หลัก คือ 1. กระจายความเสี่ยง จากอุตสาหกรรมสื่อที่ทรงตัวและหดตัวลง และ 2. สร้างธุรกิจใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือจากเดิมในปี 2562 บริษัทแบ่งรายได้ออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. หน้าจอทีวี 83% 2. ออนไลน์ ต่างประเทศ และอื่นๆ 17% โดยที่ 4 ปีจากนี้ หรือในปี 2567 สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนใหม่ เป็น 1. หน้าจอทีวี 65% และ 2. อื่นๆ 35%
โดยตลอด 4 ปีนี้จะมีการเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อเนื่อง และในปีนี้เป็นปีแรกที่กลับมามีกำไร อย่างไรก็ตาม รายได้อื่นๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วง 4 ปีจากนี้ เช่น IMC, ออนไลน์, ต่างประเทศ, คอมเมิร์ช, อาร์ตทิส และอื่นๆ โดยเฉพาะคอมเมิร์ซนั้นถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทางช่อง 3 กำลังศึกษาอยู่ จากปัจจุบันมีการขายเวลาให้กับโฮมชอปปิ้งอยู่แล้ว