แทปไลน์ฉลองดำเนินการครบ 30 ปีการเติบโตด้านธุรกิจขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อที่เป็นมิตรต่อทุกภาคส่วน ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งด้านความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มีส่วนช่วยลดอุบัติเหตุและปัญหามลพิษจากสภาพการจราจรที่เกิดจากการขนส่งน้ำมัน ตั้งเป้าผลประกอบการโตขึ้น 20% ในอีก 5 ปี
นายชุมชนิตร จิตต์หมั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือแทปไลน์ เปิดเผยในวาระที่บริษัทดำเนินกิจการมาครบ 30 ปี ว่า ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทมาจนถึงปัจจุบันบริษัทได้ขนส่งน้ำมันทางท่อมาแล้วจำนวนกว่า 260,000 ล้านลิตร ปริมาณน้ำมันดังกล่าว หากเป็นการขนส่งโดยทางรถจะเทียบเท่า กับวันละประมาณ 1,000 เที่ยว ซึ่งการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อนี้จะช่วยลดมลพิษในอากาศที่เกิดจากรถขนส่งได้ถึงปีละ 80,000 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกป่ามากถึง 50,000 ไร่ต่อปี
“แทปไลน์ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 30 ของการดำเนินงาน และเป็นส่วนสำคัญในด้านความมั่นคงด้านพลังงานของ ประเทศ อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากปริมาณน้ำมันที่เราขนส่งทางระบบท่อต่อวัน หากเป็นการขนส่งทางรถขนส่งจะมีจำนวนมากถึง 1,000 เที่ยวต่อวัน การขนส่งน้ำมันทางท่อทำให้ลดปริมาณมลพิษทางอากาศลงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งท่อส่งน้ำมันของแทปไลน์ส่งน้ำมันมาจากโรงกลั่น 4 แห่งที่ศรีราชา และระยอง มายังคลังน้ำมันลำลูกกา และคลังน้ำมันสระบุรี ที่เป็นแหล่งสำรองน้ำมันและศูนย์กลางการจ่ายน้ำมันไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง"
สำหรับพื้นที่การส่งน้ำมันของแทปไลน์ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของความต้องการ ส่วนที่เหลือจะเป็นการขนส่งโดยผู้ประกอบการรายอื่น ทั้งผู้ประกอบการประเภทท่อส่งน้ำมัน และผู้ประกอบการที่ขนส่งทางรถบรรทุกน้ำมัน
แม้ว่ารัฐบาลจะรณรงค์ให้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วมองว่าอุตสาหกรรมน้ำมันยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่มองว่าน่าจะโตได้อีก 2-3% ในปีหน้า อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะเมื่อมีคนเดินทางมากขึ้น ปริมาณน้ำมันที่ใช้เติมเครื่องบินก็จะเพิ่มขึ้นตาม” นายชุมชนิตรกล่าว และว่า แทปไลน์ตั้งเป้าว่าในปี 2567 การขนส่งน้ำมันทางท่อของบริษัทจะเติบโตขึ้นอีก 20% จากปัจจุบันที่มีปริมาณขนส่งอยู่ที่กว่า 14,000 ล้านลิตรต่อปี
สำหรับการดำเนินงานของแทปไลน์ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นายชุมชนิตรกล่าวว่าเป็นการดำเนินธุรกิจที่คู่ขนานไปกับสังคมอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามั่นใจได้ว่าแทปไลน์กับชุมชนรอบคลังและแนวท่อมีความสัมพันธ์ที่ดี สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกเหนือจากการแบ่งปันและตอบแทนสังคมแล้ว คือการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อ ความรู้เรื่องป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ตามแนวท่อเพื่อป้องกันและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ เมื่อชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ ก็จะช่วยเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวังแนวท่อให้กับแทปไลน์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งความร่วมมือระหว่างแทปไลน์กับชุมชนในลักษณะนี้จะช่วยส่งเสริมกับอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่ทางแทปไลน์มี เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ชุมชนและสังคมได้อย่างดียิ่ง
“กิจกรรมเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของแทปไลน์จะเน้นในด้านการสาธารณสุข การศึกษา เยาวชน และสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากแทปไลน์จะดำเนินธุรกิจที่มีผลตอบแทนแล้ว เรายังมีจิตสำนึกที่ต้องร่วมแบ่งปัน และตอบแทนสังคม ตลอดเวลาแห่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ ก้าวสู่ปีที่ 30 ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายว่า นอกจากพื้นที่ตามแนวท่อส่งน้ำมันและคลังน้ำมันทั้ง 2 แห่งของแทปไลน์แล้ว เราจะขยายพื้นที่สำหรับกิจกรรมด้านสังคมให้เป็นวงกว้างขึ้น จุดประสงค์เพื่อให้แทปไลน์เป็นที่รู้จักให้มากขึ้น ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของแทปไลน์ที่ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับชั้นได้รับการปลูกฝังและยึดเป็นวัฒนธรรมของแทปไลน์คือ การดำเนินธุรกิจต้องเป็นมิตร เราอยู่ได้ เขาอยู่ได้ ธุรกิจของเราก็จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป” นายชุมชนิตรกล่าวสรุป