“อมตะ” เผยแม้ ศก.โลกยังผันผวน แต่แนวโน้มต่างชาติยังคงเชื่อมั่นไทยฐานผลิตสำคัญแห่งหนึ่งของโลกยังคงทยอยมาไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนจีนเหตุหลบหนีสงครามการค้า มั่นใจ “อีอีซี” เริ่มชัดเจนในการเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานยิ่งเป็นแม่เหล็กในการดึงการลงทุน ลั่นไม่หวั่นภัยแล้ง
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ระบุการเติบโตเศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้วปี 2563 จะโต 1.4% ชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่ไทยยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกโดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในส่วนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการที่จะเข้ามาเป็นตัวผลักดันให้ไทยหลังเริ่มทยอยลงนามกับเอกชนในการพัฒนา โดยคาดว่าปีนี้นักลงทุนจีนยังคงเป็นกลุ่มผู้ลงทุนจากต่างชาติที่มาแรงในการเข้ามาลงทุนในไทย
“ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงยังคงมีนักลงทุนไหลเข้ามาในไทย อย่างไรก็ตาม ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านหากขยายไปสู่การทำสงครามก็จะกระทบการลงทุนของไทยอย่างมาก แต่หากไม่ขยายเป็นสงครามก็จะไม่กระทบต่อการลงทุนในไทยแต่อย่างใด โดยนักลงทุนที่มาแรงในปีนี้จะเป็นกลุ่มซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าใหม่ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กดดันให้นักลงทุนเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่มาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทยถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว โดยจะเน้นเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ใช้แรงงานน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากก็ไม่ได้ส่งเสริมอยู่แล้ว เพราะไทยยังคงขาดแคลนแรงงาน” นายวิบูลย์กล่าว
สำหรับภัยแล้งที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไม่มาก ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นภาคการเกษตร เพราะภาคอุตสาหกรรมสามารถรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ได้ในบางส่วน โดยนิคมอุตสาหกรรมของอมตะก็ได้เตรียมมาตรการรองรับมานานแล้ว มีบ่อเก็บน้ำสำรองที่เพียงพอกว่า 18 เดือน โดยในวันที่ 20 ม.ค.นี้จะเชิญผู้ประกอบการในนิคมฯ เข้ามาชี้แจงอัปเดตข้อมูลให้ผู้ประกอบการไม่กังวลเรื่องน้ำ ส่วนที่บริษัท อีสท์วอเตอร์จะขึ้นค่าน้ำภาคอุตสาหกรรมจะไม่กระทบต่อนิคมฯ อมตะ เพราะอมตะใช้น้ำที่พึ่งพาตนเองมาโดยตลอด โดยใช้น้ำของอีสวอเตอร์เพื่อแบ็กอัพเท่านั้น
ส่วนเป้าหมายยอดขายพื้นที่ในนิคมฯ ของอมตะปี 2562 ที่ตั้งเป้าไว้เฉพาะในไทยราว 700 ไร่นั้นคงต้องรอผลสรุปตัวเลขอีกครั้ง ส่วนปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10% ส่วนงบประมาณเงินลงทุนของกลุ่มอมตะฯ ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ราว 3,000-4,000 ล้านบาท
