ผู้จัดการรายวัน360- "วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส" ขาดทุนแต่ได้ใจ เหตุรัฐให้การสนับสนุนต่ำมาก แม้จะปิดรายได้ไปเพียง 35 ล้านบาท แต่การตอบรับสูง เข้าชมไม่ต่ำกว่า 80% ทุกรอบ โดนใจวัยเกษียณสุดๆ ส่งผลให้เชียงรายมีเม็ดเงินสะพัดอีกกว่า 740 ล้านบาท ดันแผนปีหน้า "อินเด็กซ์" จัดโอนโปรเจกต์อีเวนต์เชิงท่องเที่ยวอีกอย่างน้อย 3 งาน
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของ "วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส" ไม่ใช่แค่การเอาแสงสีเสียงมาโชว์อย่างที่เคยทำกันมา แต่เป็นงาน Light Festival ระดับ World-class ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่จดจำไปทั่วโลก ที่ผ่านมาเราได้วิเคราะห์วางแผนงานกันอย่างละเอียด เพื่อถ่ายทอดจินตนาการออกมาให้ทุกคนได้สัมผัสด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซึ่งงานนี้ถือเป็นตัวอย่างโปรเจ็กต์นำร่องกระตุ้นเศรฐกิจการท่องเที่ยวไทย โดยพบว่าสร้างรายได้ การท่องเที่ยวเชียงรายสะพัดกว่า 740 ล้านบาท ตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ชาติปี 2563
ทั้งนี้ในแง่การลงทุนใช้ถึง 100 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 740 ล้านบาท แต่ถึงเวลาจริงต้องมีการปรับแผนใหม่ ส่วนหนึ่งมาจากสปอนเซอร์ที่ไม่เป็นไปตามที่วางไว้ โดยเฉพาะภาครัฐที่ขอไป 20 ล้านบาท แต่ได้มาเพียง 3 ล้านบาท ทำให้จากเดิมจะต้องมีการแสดง2รอบต่อวัน ลดลงเหลือ 1 รอบต่อวัน หรือจากทั้งหมด 60 รอบ ลดลงมาเหลือ 36 รอบ ราคาบัตรยังคงเดิมที่ 1,000 บาท และมีราคา 400 บาท เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้ามาชมได้ทั่วถึง ส่งผลให้ปิดรายได้ไปเพียง 35 ล้านบาท
"ความสำเร็จของวัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส คือ กระแสการตอบรับที่ดีมาก จากกลุ่มวัยเกษียณ ที่มีเวลาและมีกำลังทรัพย์ สามารถกล่าวได้เลยว่า ยอดจำหน่ายบัตรอยู่ในอัตรามากกว่า 80% ต่อวัน หรือแต่ละวันรองรับได้ที่ 1,000 คน ทำให้เห็นว่า อีเวนต์เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว และกลุ่มวัยเกษียณเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ และยังไม่ค่อยมีใครเข้ามาทำอีเวนต์เชิงท่องเที่ยวที่จะจับกลุ่มเป้าหมายวัยเกษียณมากนัก"
ส่งผลให้ในปี2563 ตามแผนงานของอินเด็กซ์ ที่จะมุ่งทำโอนโปรเจกต์มากขึ้น ดังนั้นอีเวนต์เชิงท่องเที่ยว จะมีให้เห็นอีกอย่างน้อย 3 โปรเจกต์ เป็นกลุ่มเมืองรองในภาคเหนือ และอีสานเป็นหลัก หรืออย่างน้อยจะมีที่เชียงราย 1 แห่ง ส่วน วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ปีหน้าจะทำต่อหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นหลัก และอีก2แห่ง จะจัดขึ้นในจังหวัดทางภาคกลาง ส่วนจะเป็นรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ต้องการจัดอีเวนต์ด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่อินเด็กซ์เลือกเชียงรายในการทำโอนโปรเจกต์นำร่องนั้น เนื่องจาก เชียงราย เป็นเมืองรองฮิตติดเทรนด์เที่ยวปี 2563 และเป็นเมืองรองที่มีรายได้ท่องเที่ยวมากสุด โดยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวน 2,327,225 คน การสร้างสรรค์ที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะที่โดดเด่นที่สุดของเชียงรายในปัจจุบัน คือ วัดร่องขุ่น ผลงานของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2539
ส่งผลให้อินเด็กซ์ ได้นำจุดแข็งของประเทศที่สะท้อนจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาเป็นแนวทางหลักในการทำการตลาดเพื่อให้ตอบรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ภายใต้แรงกดดันของสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยยังคงเน้นการนำธุรกิจสร้างสรรค์ในรูปแบบ Own Project โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือการสร้างรายได้และส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย ให้กลายเป็นการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก หรือ เป็นแม่เหล็กการท่องเที่ยวระดับโลก ภายใต้ แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยวัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส” ตอน ปฐมบท (Wat Rong Khun Light Fest, Episode: Begins) จึงเป็นเสมือนอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซที่การันตีความสำเร็จ ที่สนองตอบเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการสร้างชื่อเสียงของประเทศให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก.